เมื่อสมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม ครูสอนให้จำคำนี้อย่างง่ายๆ โดยครูบอกว่า
" อนุญาต ไม่ใช่ญาติพี่น้องใคร " แค่นี้เองเราก็จำมาได้จนทุกวันนี้ว่า
" อนุญาต " เมื่อไม่ใช่ญาติพี่น้องใคร ก็ไม่ต้องใส่สระอิเข้าไป
ส่วนญาติพี่น้อง ต้องมีสระอิ...
แต่ถ้าจะให้เข้าใจความหมายว่าทำไม ใช้คำว่า " ญาต " ห้ามใช้คำว่า " ญาติ "
ก็ต้องมาดูกันที่รากศัพท์ของคำ...
คำทั้งสองมาจากคำในภาษาบาลี ซึ่งก็มาจากรากศัพท์เดียวกัน คือ " ญา " แปลว่า " รู้ "
ถ้าเพิ่ม ต เข้าไปเป็น " ญาต " แปลว่า " รู้แล้ว " หรือ " อันเขารู้แล้ว " และ
ถ้าลง ติ เป็น " ญาติ " ก็จะเป็นคำนาม หมายถึง " คนในวงศ์วานที่ยังนับรู้กันได้
ทางเชื้อสายฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ "
ญาติที่ยังนับรู้กันได้ หมายถึง ญาติสายตรง ที่นับจากตัวเราขึ้นไป 3 ชั่วคน
ได้แก่ พ่อแม่ 1 ปู่ย่าตายาย 1 และ ปู่ตาทวด ย่ายายทวด 1
และนับจากตัวเราลงไปอีก 3 ชั่วคน ได้แก่ ลูก 1 หลาน 1 และเหลน 1
เมื่อรวมเราเข้าไปด้วยก็เป็น " 7 ชั่วโคตร " พอดี
ในสมัยโบราณถ้าใครถูกลงโทษประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร ก็หมายถึง
ถูกล้างพงศ์เผ่าเหล่ากอกันเลยทีเดียว
ดังนั้นคำว่า " อนุญาต " พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
ให้ความหมายไว้ว่า " ก.ยินยอม, ยอมให้, ตกลง." คำในบาลีใช้ " อนุญญาต "
เราเอามาใช้ในคำไทยก็ตัดคำซ้อนออกตัวหนึ่ง จึงเหลือเพียง " อนุญาต "
การให้ความยินยอมยอมให้หรือตกลงให้ก็อยู่ในความหมายของคำว่า
รู้แล้ว หรือ อันเขารู้แล้วนั่นเอง
แต่ถ้าเป็นคำว่า " อนุญาติ " ก็จะกลายเป็น ญาติผู้น้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับ ญาติผู้ใหญ่ ....
ที่มา
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=133671