ผมพยายามหาข้อมูลเพื่อศึกษา แต่ก็ยังไม่กระจ่าง สักเท่าไหร่ และเนื่องจาก ไฟล์มีขนาดใหญ่ เลยฝากไว้ในนี้ ไม่ได้
http://www.eng.su.ac.th/me/elearning/Refrigeration%20and%20air%20condition%20equipment/11%20pumping.pdfส่วนในเว็บนี้
http://www.thaicattle.net/webboard/index.php?topic=7592.0;wap2มีคำอธิบายไว้ แต่ไม่ได้แสดงวิธีคำนวณ ครับ
ตามนี้เลย ลอกเขามา
เฮด (Head)
เฮด (Head) คือความสูง ความแตกต่างระหว่างระดับต่างๆและความชัน ในกรณีของปั้มน้ำ ปั้มน้ำที่มีปริมาณการไหลของน้ำเท่ากับ Q ลิตร ที่เฮด (Head) 30 เมตร หมายความว่า สามารถดันน้ำ Q ลิตรขึ้นไปในแนวตั้งได้ 30 เมตร ทุกๆระยะเวลาต่อนาทีปริมาณ Q ลิตร สำหรับปั้มน้ำโดยทั่วไป เฮด (Head) ของปั้มน้ำ สามารถหาได้จากเอกสารแสดงข้อมูลทางเทคนิคของปั้มจากทางผู้ผลิตโดยปริมาณ เฮด (Head) ของปั้มส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับขนาด และความเร็วในการหมุนของใบพัดปั้มน้ำ ในกรณีที่นำมาใช้งานในระบบสปริงเกอร์ เฮด (Head) คือแรงดันที่ต้องการของหัวจ่ายน้ำ เพื่อให้ได้รัศมี และมีปริมาณน้ำที่กำหนด
ปริมาณการไหล (Flow)
ปริมาณการไหล (Flow) คือปริมาตรของเหลวที่ไหลผ่านพื้นผิว/ช่องต่างๆ เช่น ปริมาณการไหลของน้ำที่ไหลผ่านทางน้ำออกของปั้มหรือท่อส่งน้ำต่อ 1 หน่วยเวลา
ปริมาณการไหลของน้ำสามารถวัดได้ในหน่วย ลิตร/นาที หรือ ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
ปริมาณการไหลของน้ำในท่อ และปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟนั้นมีหลักการค่อนข้างคล้ายกัน โดย เฮด (Head) ของของเหลวจะเหมือนกับแรงเคลื่อนไฟฟ้า โวลท์ (V) และปริมาณการไหลของของเหลวก็จะเปรียบเหมือนกับปริมาณกระแสไฟฟ้า แอมป์ (A) และปัจจัยที่ทำได้ค่าเหล่านี้เปลี่ยนแปลงก็ยังเหมือนกันอีก ด้วยสายไฟเส้นเล็กจะไมสามารถจ่ายไฟได้มากเท่ากับสายไฟเส้นใหญ่ เช่นเดียวกันกับท่อน้ำที่มีขนาดเล็กก็จะส่งน้ำได้น้อยกว่าท่อน้ำขนาดใหญ่ (ขนาดของท่อส่งสามารถใช้ท่อให้ใหญ่กว่าทางออกของปั้มน้ำได้ โดยให้ดูจากปริมาณน้ำที่ปั้มน้ำสามารถจ่ายน้ำได้)
ในกรณีของน้ำ ค่าแรงต้านทานก็คือค่า Head Loss วึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของท่อที่ใช้(วัตถุดิบที่ใช้ รูปร่าง และพื้นผิวภายในท่อ โดยที่ความเร็วของน้ำที่ไหลผ่านก็มีส่วนด้วย)
------------
อ่านของทั้งคู่ ดูเหมือนกับว่า ขนาดของเฮด ให้ดูจาก กราฟความสามารถของปั้ม ที่เรานำมาใช้
และ friction loss กับ มวลน้ำ จะมีผลต่อ ความสูง ของความสามารถในการดันน้ำ
แต่ผมยังหา สูตร คำนวณไม่เจอครับ สงสัยหาไม่เก่ง พอ