แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - yommatood

หน้า: [1] 2 3
1
อยากให้คนไทยได้อ่าน.......นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

ใช้เฟซบุ๊กเข้าเพจนี้เลยครับ.......นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

2
ห้องสภากาแฟและอื่นๆ / ช่วยด้วยครับ
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2014, 01:12:45 PM »
อ่านหนังสือพิมพ์แล้วไปเจอเขาให้ร่วมสนุก โดยการหารายชื่อผลไม้ไทยให้ครบ 5 ชื่อ ทั้งตัวอักษรแนวตั้งและแนวนอน
ให้ตายเหอะโรบิ้น ผมหายังไงก็เจอแค่ชื่อผลไม้ 4 ชื่อเท่านั้น หาอีกชื่อเดียวให้ครบ 5 ชื่อ หายังไงก็ไม่เจอ
เลยอดร่วมรายการ ว่าจะลุ้น 1 ล้านบาท

เพื่อนๆช่วยกันหาหน่อยครับ ผลไม้ชนิดที่ 5 คืออะไร อยู่ตรงไหนครับ

3
เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าสิงห์โตกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร แต่พออ่านหนังสือพิมพ์แล้ว.....

4
ห้องสภากาแฟและอื่นๆ / ยุคนี้ชาวนารวย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2014, 07:49:43 AM »
รัฐบาลประเทศไทยยุคไหนๆก็ชอบแจก แต่ครั้งนี้แจกหนักกันจริงๆ ไปเป็นชาวนาดีกว่า มีที่สักไร่ ก็รวยมีกินมีใช้ตลอดชาติแล้ว

5
ปี พ.ศ. 2557 เดือนพฤศจิกายน มี 31 วัน

วันมหัศจรรย์แห่งชีวิต เกิดมามีบุญจึงจะได้เจอ ส่งต่อไปอีก ๙๙๙ คน ท่านจะโชคดีตลอดชีวิต 5555555555

6
เคล็ด ไม่ลับ ประจำบ้าน รู้ไว้ใช้ประโยชน์
===
การรักษาเครื่องซัก ผ้า
เวลา ที่ไม่ใช้เครื่องซักผ้า
ให้เปิดฝาทิ้งไว้เสมอ
ช่วยรักษาแผ่นยางที่อยู่ตรง ประตูเครื่อง...
และช่วยให้เครื่องไม่มีกลิ่น ด้วยจ้ะ
===
ล้างห้องน้ำด้วย โค้ก
การ ทำความสะอาดชักโครก
ให้ปราศจากคราบ
และดูเหมือนใหม่เสมอ
คือ ให้ชักโครกกินโค้กซะบ้าง
เทโค้กใส่ลงในชักโครก
ปล่อยให้ชักโครกดื่มโค้กอย่าง สบายใจ
สักสองสามชั่วโมง
คราบสกปรกจะหลุดออกหมด
===
น้ำตาเทียนหยดใส่ พื้น
ไม่ ว่าจะเป็นพื้นพรม พื้นไม้
หรือโต๊ะ ตู้
ถ้ามีน้ำตาเทียนหยดใส่
อย่ามัวแต่นั่งแกะให้เสียเวลา
ให้เอากระดาษทิชชู่หนา ๆ
วางบนคราบน้ำตาเทียนนั้น
แล้วเอาเตารีดไฟปานกลางมารีด ๆ
น้ำตาเทียนจะหลุดติดกับทิชชู่
ระวังอย่าให้ไฟแรงมากนะ
เดี๋ยวไหม้
===
ทำให้บ้านหอม
ไม่ ต้องพึ่งสเปรย์หอมกันแล้ว
ให้เอาส้มเช้ง
มาปักไว้ด้วยกานพลูหลาย ๆ ดอก
วางทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน
ใส่แก้วสวย ๆ ก็จะดูดี
ดูเหมือนของตกแต่ง
ทีนี้กลิ่นในบ้านจะหอมหวนตลอด เวลา
ข้อควรระวัง
ต้องหมั่นเปลี่ยนส้มซักหน่อย
อย่าทิ้งไว้จนเน่า
ไม่งั้นคงได้กลิ่นตรงกันข้าม
===
ไมโครเวฟหอมชื่นใจ
เอา ชามใส่น้ำอุ่นบีบมะนาว
วางไว้ตรงกลางไมโครเวฟ
เปิดเครื่องร้อนสุดห้านาที
ความร้อนจากน้ำจะทำให้คราบสกปรก
หลุดโดยง่าย
และมะนาวจะช่วยให้กลิ่นหอมสด ชื่น
===
ลอกสติ๊กเกอร์
สติ๊กเกอร์ ที่แปะตู้เย็น
คอมพิวเตอร์ หรือตามผนังอะไรก็ตาม
เวลาเบื่อแล้วจะลอกทิ้งไป
ให้ใช้น้ำมันก๊าดชุบผ้าหมาด ๆ
เช็ดถูตรงสติ๊กเกอร์
แล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก
สติ๊กเกอร์จะหลุดออกมาโดยง่าย
===
กระจกใส
น้ำยา เช็ดกระจก
นอกจากจะมีสารเคมีแล้ว
ยังเสียเงินแพงอีกด้วย
ใช้วิธีนี้จะดีกว่า
ให้เอาน้ำอุ่นใส่ถัง
เอาหอมใหญ่มาปอกเปลือก
แล้วผ่าสี่
ใส่หอมลงไปในถัง
แค่นี้แหละ
เช็ดกระจกได้ใสแจ่มแจ๋วเหมือน ใหม่
===
ทำความสะอาดเตาอบ
1. ตั้งเตาอบไว้ที่ความร้อน 200 องศาเซลเซียส
ปล่อยไว้ 3 นาที
แล้วจึงปิดเครื่อง
2. เอาหม้อใส่น้ำเดือดตั้งไว้ ที่พื้นเตาอบ
3. เอาชามทนไฟใบเล็ก ๆ
ใส่แอมโมเนีย
วางบนตะแกรงเตาอบ
เหนือหม้อน้ำเดือดที่ใส่ไว้
4. ปิดฝาเตาอบทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมง
แล้วค่อยนำผ้า
มาเช็ดทำความสะอาดเตาอบ
คราบต่าง ๆ จะหลุดลอกออกมาโดยง่าย
===
กำจัดกลิ่นไม่พึง ประสงค์ในตู้เย็น
1. เอากาแฟเย็นใส่ถ้วย
วางไว้หนึ่งคืน
กลิ่นจะหายไปดังปลิดทิ้ง
2. เอามันฝรั่งผ่าครึ่งใส่ชาม เล็ก ๆ วางไว้
มันฝรั่งจะดูดกลิ่นไปหมด
3. เอาถุงชาที่ยังไม่ได้ชงใส่ ไว้
ถุงชาจะซับกลิ่นเช่นเดียวกับมัน ฝรั่ง
จะวางถุงทิ้งไว้ตลอดก็ได้
ซักสองอาทิตย์ก็เปลี่ยนครั้งนึง
ตู้เย็นจะได้หอมตลอดกาล
===
กำจัดกลิ่นบนเขียง
หลัง จากที่ใช้เขียง
หั่นหอมกระเทียม
เขียงมักจะเก็บกลิ่นฉุนไว้ติด แน่น
ให้เอามะนาวผ่าซีก
มาถูบนเขียงให้ทั่ว
แล้วล้างออก
กลิ่นจะหายไป
===
กำจัดขนสัตว์เลี้ยง
ขน สัตว์เลี้ยง
ที่ติดตามโซฟา เบาะ
กำจัดได้โดย
ใส่ถุงมือยาง
ชุบน้ำหมาด ๆ
แล้วเอาถุงมือนี่แหละ
ไปถู ๆ ตามโซฟา
ขนจะม้วนติดกันเป็นก้อน ๆ
เก็บทิ้งได้ง่าย
===
ไล่แมวแบบนิ่ม ๆ
เอา แผ่นอลูมิเนียมฟอยล์
วางไว้บนที่ที่ไม่อยากให้แมวมา
แมวเกลียดเจ้าแผ่นนี้มาก
จะเป็นเพราะเสียงกรอบแกรบ
หรือแสงสะท้อนก็ไม่ทราบ
===
ไล่แมลงวัน
แมลงวันชอบเข้ามาอยู่ในครัว
ให้เอาแก้วใส่น้ำอุ่นครึ่งแก้ว
ใส่น้ำส้มสายชู
ลงไปซัก 2-3 ช้อนโต๊ะ
ใส่น้ำตาลนิดนึง
ปิดฝาแก้วด้วยพลาสติก
จิ้มรูไว้หลาย ๆ รู
แมลงวันได้กลิ่นแล้วจะหนีไป
===
ไล่แมงมุม
แมงมุมชอบมาชักไย
ไว้ตามซอกมุมต่าง ๆ
วิธีไล่แมงมุมง่าย ๆ
ก็คือ วางชามใส่เกลือไว้ตรงซอก
ที่แมงมุมชอบชักไย
เกลือจะดูดความชื้น
ทำให้แมงมุมสร้างไยไม่สำเร็จ

7
20 กุมภาพันธ์ 2557 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ออกโทรทัศน์ แถลงบิดเบือนการไม่จ่ายหนี้ชาวนาอย่างน่าสมเพช  เห็นควรต้องตอบโต้และชี้แจงให้ประชาชนเห็น “ความตอแหล” ของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งคนนี้ให้แจ่มชัด
                1) “ก่อนอื่นดิฉันขอยืนยันถึงเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ที่ดีของรัฐบาลต่อโครงการรับจำนำข้าว ดิฉันเชื่อมั่นตั้งแต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอโครงการนี้ และพี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจพรรคและตัวดิฉัน ว่าโครงการจะยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเพื่อสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับชาวนาไทยทุกคน  ซึ่งในอดีตชาวนาที่ถึงแม้จะเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเมื่อคนไทยทุกคนกินข้าว จึงย่อมต้องสำนึกในบุญคุณของชาวนา แต่ก็น่าเศร้าที่ว่า ถึงแม้ข้าวทุกเมล็ดทำให้เราเติบใหญ่ แต่ชาวนากลับถูกเอารัดเอาเปรียบถูกกดขี่ข่มเหง ต้องทนตรากตรำหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมาโดยตลอด”
                (1) วันนี้เราไม่ได้พูดถึงเจตนารมณ์กันแล้วครับ เราพูดกันถึง“ผลลัพธ์”ว่าประเทศ “ขาดทุน” จากโครงการจำนำข้าวเท่าไหร่ ทำไมชาวนาถูกฉ้อโกงจากรัฐ รัฐบาลจะจัดการหาเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาจ่ายหนี้ที่ค้างชำระแก่ชาวนาเมื่อไหร่ จะหยุด“ความฉิบหาย”จากโครงการนี้ แล้วเปลี่ยนวิธีช่วยชาวนาตอนไหน
                ในทางการเมือง ในทางกฎหมาย ในทางจริยธรรม ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้ประกาศนโยบายนี้กับประชาชนตอนหาเสียง และแถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภา ท่ามกลางการคัดค้านและทักท้วง จะต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง  เรื่องเจตนานั้น เอาไปอ้างในศาล เพื่อลดหย่อนผ่อนโทษก็แล้วกันนะครับ
                เหตุที่เราไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง “เจตนารมณ์”ก็เพราะมัน “เลยเวลา” ของเรื่องดังกล่าวมาแล้ว อุปมาเหมือน คุณยิ่งลักษณ์แยกทางกับผัว แยกบ้านกันอยู่ เลิกสมสู่เป็นเมียผัว ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึงวันเวลาที่เราตกหลุมรักกัน ตัดสินใจแต่งงานกัน มีลูกด้วยกันแล้ว จริงไหมครับ
                2) “ในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลก็ประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ชาวนามีรายได้เพิ่ม ทั้งยังเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจรากหญ้า และการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม”
                (2) ถ้าเป็นอย่างคุณยิ่งลักษณ์ว่า ชาวนาเขาฆ่าตัวตายกันทำไมล่ะ การที่มีชาวนาฆ่าตัวตายเพราะทุกข์รุมเร้าจากการไม่มีรายได้ที่เขาต้องได้เป็นเวลา 5-6 เดือน เพราะรัฐบาล“ชักดาบ” คือ“ความสำเร็จ”และ“บรรลุเป้าหมาย”ของคุณยิ่งลักษณ์หรือครับ? และถ้าการดำเนินโครงการของคุณกับพวกนำไปสู่เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แล้วพวกคุณต้องวิ่งหาเงินกู้หัวซุกหัวซุนในปัจจุบันทำเตี่ยคุณหรือครับ  โครงการขาดทุน ขายข้าวไม่ได้ เงินหมด ไม่มีเงินจ่ายชาวนา แล้วหาทางออกด้วยการ“หนีหน้า” ไม่มาพบ ไม่เจรจา และมา“ตอแหลผ่านโทรทัศน์” เป็นความสง่างามมากนักหรือคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าคุณแน่ใจว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จ คุณไปพูดประโยคนี้ด้วยตัวเอง ต่อหน้าชาวนาที่มาชุมนุมทวงหนี้คุณอยู่ในปัจจุบันได้ไหมล่ะครับ คุณหลบหนีพวกเขาทำไมครับ
                3)“สำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนดำเนินโครงการนั้น มีความชัดเจนถึงที่มาของแหล่งเงินทุนหมุนเวียน แน่นอนที่สุดประการแรกคือ รายได้จากการระบายข้าวในตลาด ซึ่งมีกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหลัก ประการที่สองคือ เงินจากการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีกลไกปกติของกระทรวงที่จะจัดเงินมาสนับสนุน รวมถึงอนุมัติให้ ธกส. กู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด”
                (3) อย่าบอกแต่หลักการการหาเงินมาจุนเจือโครงการนี้อย่างคลุมเครือและหลบเลี่ยง บอกไปเลยว่า เงินที่ให้ ธกส.ไปจ่ายนั้น หมดแล้ว เงินที่ให้กู้ ก็กู้จนเต็มเพดานแล้ว เงินที่ควรจะได้จากการขายข้าวก็น้อยนิด เพราะขายไม่เป็น ขายไม่ได้ และขายแบบจีทูจีเก๊ๆอีกต่างหาก จึงไม่มีเงินเลยในเวลานี้ หยุดตอแหล แล้วพูดความจริงบ้าง เพื่อรักษาไว้ซึ่ง “ความเป็นมนุษย์”
                4) “ประชาชนเห็นถึงผลที่ชัดเจน เงินตกถึงมือเกษตรกรตัวจริง โครงการจึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
                (4) โปรดอ่านซ้ำที่ข้อ (2)
                5) “พี่น้องชาวนาและพี่น้องชาวไทยที่รักยิ่ง เป็นที่น่าเสียดายว่าความฝันความหวังที่ชาวนาไทย จะลืมตาอ้าปาก กำลังโดนเกมการเมือง สร้างกระบวนการบ่อนทำลายอันรวดเร็วจนจะหมดสิ้นลงในไม่ช้า ดิฉันเสียใจและต้องขอโทษพี่น้องชาวนา ที่เหตุการณ์เอาชาวนาเป็น ตัวประกันของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินโครงการได้ด้วยความราบรื่นอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากเพียงใด ดิฉันก็จะไม่ย่อท้อ และยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องชาวนาต่อไป”
                (5) หลายครั้งที่คนไทยอยากให้คุณรู้จัก“ย่อท้อ”บ้าง เพื่อลด“ความฉิบหายที่ไม่รู้จบ” ของบ้านเมือง ไม่มีใครจับชาวนาเป็นตัวประกัน มีแต่ชาวนาที่ทุกข์ยากออกมา“ทวงเงินที่เป็นของเขา”จาก“รัฐบาลที่หนีหนี้” หากคนเช่าตึกชินวัตรไม่จ่ายค่าเช่ามา 5 เดือน คุณจะไม่ทวงอย่างนั้นหรือ คุณจะออกมาด่าอย่างมดเท็จและสารเลวเยี่ยงนี้ไหม จะตอแหลทำไมว่า จะยืนหยัดสู้เพื่อชาวนา เพราะกระทั่งการมาพบหน้า เจรจากับพวกเขาด้วยตัวเอง คุณยังไม่กล้าเลย
                6) “เกมการเมืองที่ดิฉันกล่าวถึง มาจากกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลมีแนวทางจะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยขึ้น ดิฉันเข้าใจว่าความคิดที่เห็นต่างนั้นมีได้ และการชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน แต่เมื่อดิฉันยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนแล้ว ทุกฝ่ายก็ควรมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าเขาต้องการนโยบายใด และให้ผู้ใดเป็นผู้บริหารประเทศ”
                (6) เลิกอ้าง“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เสียที เพราะครั้งนี้ เขาไม่ได้พูดถึงการมาสู่อำนาจของคุณ แต่พูดถึงการใช้อำนาจและความล้มเหลวในการบริหาร อุปมาเหมือน“ดิฉันได้ผัวมาอย่างถูกต้อง” แล้ว“เลิกกับผัวทำไม?” เพราะการอยู่กับผัวมันไม่มีสุข มันทุกข์ มันฉิบหาย ใช่ไหมล่ะ ฉันใดก็ฉันนั้น รัฐบาลจากการเลือกตั้ง โกงเงินชาวนาได้หรือ? สร้างความฉิบหาย ล้มละลายให้บ้านเมืองได้หรือคะ? หากประชาชนจะล้ม ก็มุ่งล้มรัฐบาลชั่วๆเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาดี และที่จงใจใช้คำว่า“จะล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยขึ้น” ก็ไม่เป็นประโยชน์ในการนี้เลย เพราะไม่มีประชาชนคนไหน อนุญาตให้ใครตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยขึ้นแน่ๆ หยุดสร้างปีศาจมาหลอกหลอนคนดีกว่า หยุดสร้างปีศาจขึ้นบดบังใบหน้าแห่ง“ผีปอบ”ของตัวคุณเอง หยุดวาทกรรมชั่วๆเช่นนี้เถอะ
                7 “แต่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมดำเนินการตามกติกาที่เป็นสากล ไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง และยังคงดำเนินยุทธวิธีทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศชาติโดยรวม และยังพร้อมใช้ทุกช่องโหว่เพื่อทำลายนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการจำนำข้าว”
                (7) กติกาสากลไม่ได้มีแค่“การเลือกตั้ง”แต่ยังมีเรื่อง“ตรวจจับการทุจริตและการใช้อำนาจในทางมิชอบ”ด้วย รัฐบาลนี้หมดความน่าเชื่อถือ เพราะความโง่ ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหาร แถมยังปกปิดข้อมูล ไม่ให้ใครเห็นบัญชีรายรับรายจ่ายโครงการนี้เลย ไม่เคยเปิดโกดังข้าวให้ดู แถมยังปลดคุณสุภา ปิยะจิตติ ที่ตรวจสอบโครงการนี้ด้วย  ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนลุกฮือขึ้นไล่รัฐบาล คือการละเมิดกติกาสากล เรื่องนิรโทษกรรม คุณนิรโทษกรรมให้โจร นิรโทษกรรมให้คดีทุจริต ซึ่งตั้งแต่มีสังคมมนุษย์มา ไม่เคยมีใครทำมาก่อน พวกคุณต่างหากหน้าด้านเดินหน้าโครงการที่ทำความเสียหายแก่ประเทศโดยรวม วิธี“จำนำข้าว”ของคุณ ทำลายวงจรการผลิตและการค้าข้าวอย่าง“ฉิบหายวายป่วง” ยอมรับความจริงเสียเถิด
                8) “ขณะนี้การบ่อนทำลายโครงการจำนำข้าวไปถึงขั้นสกัดกั้นที่จะไม่ให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนา การขัดขวางทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เพื่อให้การจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนโครงการรับจำนำข้าวต้องสะดุดหยุดลง หรือชะลอการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งในความเป็นจริงหากทุกฝ่ายจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา หากทุกธนาคารและผู้บริหารจะเห็นใจและมีน้ำใจต่อชาวนาไทย เข้าใจถึงความเดือดเนื้อร้อนใจ การบริหารการเงินของรัฐบาลก็จะเดินหน้าได้ ดิฉันยืนยันว่าเงินทุกบาทรัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้ว เงินของธนาคารก็มีหลักประกันตามกฎหมาย จึงไม่มีใครสามารถนำเงินฝากของทางธนาคารไปใช้ในทางที่ผิด
            นอกจากนี้ ในปัจจุบันสถาบันการเงินมีสถานะที่มั่นคง และที่สำคัญสภาพคล่องในระบบการเงินการธนาคารนั้นมีสูงมาก ดังนั้น ทางธนาคารสามารถดำเนินการปล่อยกู้ตามขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือชาวนา โดย ไม่ทำให้ทางธนาคารมีความเสี่ยงมากจนไม่สามารถบริหารจัดการได้”
                (8) หลังจากยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภาโดยไม่มีใครขอ ยุบสภาหวังเอาการเลือกตั้งเป็นพิธีชุบตัว เสมือนเปลี่ยนผ้าอนามัยให้หายเหนอะหนะ คุณก็หมดอำนาจที่จะกู้ไปโดยอัตโนมัติ เพราะกฎหมายห้ามรัฐบาลรักษาการก่อหนี้ผูกพันให้เป็นภาระถึงรัฐบาลถัดไป นี่คือความจริง ประกอบกับคุณทำโครงการฉิบหายมาตลอด 2 ปี ย่อมไม่มีธนาคารไหนพร้อมให้คุณกู้  คิดดูสิ หากคุณขายก๋วยเตี๋ยว แล้วเจ๊งมาตลอด ไปขอกู้ ธนาคารบ้าที่ไหนจะให้คุณกู้  ต่อให้ธนาคารมีสภาพคล่องสูง  เขาก็ต้องดู“ความเสี่ยง”และ“ข้อกฎหมาย” เขาไม่อยากติดคุกกับคุณ หรือถูกด่าว่า “อีควาย” เหมือนคุณ
                9) “การดำเนินการครั้งนี้ ก็ไม่เหมือนในอดีตที่การบริหารการเงินผิดพลาดทำให้สถาบันการเงินต้องปิดตัวลง และการบริหารงบประมาณของโครงการเป็นไปตามหลักวินัยการเงินการคลังมาอย่างต่อเนื่อง ธนาคาร ผู้บริหาร และพนักงานสมาชิกสหภาพซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ทุกขั้นตอนมีกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีรองรับอยู่อย่างถูกต้อง”
                (9) ไปด่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธทำไม เขาทำให้บ้านเมืองล้มลายละลายยุคฟองสบู่แตก เป็นเหตุให้องค์กรต่างชาติเข้ามาควบคุมระบบการเงินและบีบบังคับให้ขายสถาบันการเงินราคาต่ำๆก็นับเป็นความระยำของรัฐบาลยุคนั้นที่ต้องใช้เป็นบทเรียน แต่ไม่อาจอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าว่า เคยมีคนชั่วกว่า ฉันเลยชั่วได้
                10) “มีกระบวนการกล่าวหาและตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการบริหารโครงการรับจำนำข้าว ทั้งโจมตีทางการเมืองและกฎหมายว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นเป็นระบบระดับนโยบาย ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่ าในระดับนโยบาย ไม่มีการสร้างวิธีที่จะโกง ดังที่ถูกกล่าวหา และในระดับปฏิบัติถ้ามีการรั่วไหล ดิฉันก็ต้องการเห็นการตรวจสอบที่เข้มงวด และยินดีในการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช. โดยไม่เลือกปฏิบัติและมีความเสมอภาคภายใต้หลักนิติธรรมโดยไม่ลำเอียงหรือมีวาระทางการเมืองที่ซ้อนเร้น เพราะหากเป็นเช่นนั้น นอกจากโครงการดีๆจะถูกทำลาย ความน่าเชื่อถือของระบบและกระบวนการตรวจสอบก็จะสูญศรัทธาไปด้วย”
                (10) สันดานคุณกับทักษิณนี่“เชื้อไม่ทิ้งแถว”จริงๆ พอไม่มีความสุจริตเป็นที่ตั้ง ก็รีบป้ายสีองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมไว้ก่อน คุณออกแบบนโยบายอย่างหละหลวม เสมือนทำรั้วไว้เตี้ยๆห่างๆและผุ เหี้ยก็ลอดรั้วมาขโมยไก่ไปกิน คุณจะบอกว่าเป็นความผิดเหี้ย ไม่ใช่คนทำรั้วได้หรือ คุณทำทีเป็นนอนไม่ล็อคประตู แล้วผัวคนอื่นย่องเข้ามาสมสู่ คุณโทษคนย่องเข้ามาว่าตัณหาจัดฝ่ายเดียวได้ไหม
                11) “พี่น้องชาวนาและประชาชนที่รักยิ่ง  ในระหว่างที่พี่น้องชาวนารอการเบิกจ่ายเงินนั้นรัฐบาลตระหนักถึงความยากลำบากจึงกำหนดมาตรการเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนเท่าที่จำเป็นของปัญหาที่เกิดขึ้น โดย ธ.ก.ส จะขยายเวลาการชำระหนี้ ออกไป 6 เดือน  นอกจากนี้ เพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงเงินกู้เพื่อนำไปใช้เตรียมการผลิตในฤดูกาลต่อไปที่กำลังจะมาถึง ธ.ก.ส จะขยายวงเงินให้ลูกค้ารายปัจจุบัน สามารถใช้หลักค้ำประกันที่ได้วางได้กับ ธ.ก.ส. โดยมาตรการนี้ครอบคลุมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทาง ธ.ก.ส. ด้วย โดยพี่น้องชาวนาสามารถสมัครเป็นสมาชิกและยื่นความจำนงที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน สำหรับชาวนาที่อยู่ภายใต้สถาบันเกษตร (สหกรณ์) สามารถขอเงินกู้จากสหกรณ์ได้เช่นกัน”
                (11) คุณเอาข้าวชาวนาไป ค้างจ่ายเงินเขา ยังจะผลักเขาไปกู้หนี้ยืมสินเพิ่มอีกหรือ คุณมันแม่พระจอมปลอม ขายข้าวซะ แล้วเอาเงินมาจ่ายชาวนา จบเลย หากสิ้นเดือน ให้คุณรับเงินเดือนเป็นใบประทวนที่ขึ้นเงินไม่ได้ แล้วบอกให้คุณไปกู้เงินมาใช้ก่อน คุณจะยอมไหม คุณยิ่งลักษณ์  แล้วชาวนาเขามีเจ้าหนี้ คือ ธกส.รายเดียวซะที่ไหน หนี้อื่นๆที่รุมเร้า จะช่วยยังไง จ่ายเงินเขาเถอะ อย่าทำให้ซับซ้อนเลย
                12) “สุดท้ายนี้ดิฉันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลจะปกป้องรักษาผลประโยชน์พี่น้องชาวนาและประชาชนทุกคน จะไม่ยอมให้เกมการเมืองมาเอาเปรียบ เอาพี่น้องเป็นตัวประกัน” ดิฉันขอความร่วมมือและความเห็นใจของทุกฝ่ายต่อความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนา ทุกหยาดเหงื่อพวกเขา มีค่ามากต่อวิถีชีวิตคนไทยทุกคน เร

8
หลายคนๆคงจะอยากรู้ว่าสาขาที่เราเรียนอยู่ หรือจะเลือกเรียนสาขาอะไร ที่จบไปแล้วสามารถมีรายได้ดี ในระดับที่สูงกว่าสาขาอื่นๆทั่วไป เพื่อความมั่นคงในอาชีพและอนาคตข้างหน้า

ล่าสุดมีรายงานจาก National Association of Corrosion Engineers (NACE) เปิดเผยข้อมูลของสาขาอาชีพทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่จบไปแล้วมีรายได้ดีที่สุดใน USA โดยวัดจากเงินเดือนเฉลี่ยเริ่มต้น เราลองมาดูกันเลย

10 Logistics/Materials Management
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $59,800 ต่อปี (ประมาณ 1,794,000 บาท)

9 Management Information Systems/Business
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $60,700 ต่อปี (ประมาณ 1,821,000 บาท)

8 Engineering Technology
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $61,500 ต่อปี (ประมาณ 1,845,000 บาท)

7 Electrical/Electronics and Communications Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $63,000 ต่อปี (ประมาณ 1,890,000 บาท)

6 Mechanical Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $64,500 ต่อปี (ประมาณ 1,935,000 บาท)

5 Aerospace/Aeronautical/Astronautical Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $64,500 ต่อปี (ประมาณ 1,935,000 บาท)

4 Computer Science
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $64,700 ต่อปี (ประมาณ 1,941,000 บาท)

3 Chemical Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $67,500 ต่อปี (ประมาณ 2,025,000 บาท)

2 Computer Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $70,900 ต่อปี (ประมาณ 2,127,000 บาท)

1 Petroleum Engineering
รายได้เฉลี่ยเริ่มต้น $97,000 ต่อปี (ประมาณ 2,910,000 บาท)

 
คนที่สนใจเรียนต่อทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาต่างๆคงจะพอได้รับรู้ข้อมูลของรายได้ในอนาคตนะครับ แล้วคราวหน้า WeGoInter.com จะนำข้อมูลน่าสนใจมาเสนอใหม่ คอยติดตามกันได้เลย….

ที่มา http://www.wegointer.com/2014/01/nace-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A7/

9
สวัสดีปีใหม่ไทยครับพี่น้องไทยเอ็นจิเนียร์โซไซตี้ คงสนุกสนานกับเทศกาลสงกรานต์กันนะครับ

และแล้วก็ผ่านพ้นวันเทศกาลสงคราม...7 วันอันตราย...ยินดีกับท่านที่รอดตายห่าตายโหง กับการเข่นฆ่ากันเองแบบป่าเถื่อนในเมืองไทย เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าสยามเมืองยิ้ม เมืองที่คนหลายคนดูถูกว่าควายโง่ ดูถูกสัตว์ที่มีบุญคุณ เคยช่วยไถนาให้บรรพชนไทยได้มีข้าวแดก ไปช่วยรบปกป้องบ้านเมือง รวมทั้งเป็นอาหารให้กับบรรพบุรุษไทย...ผ่านเทศกาลสงครามที่หลายๆคนสาดกระสุนปืนแทนน้ำ สาดขวดบินแทนน้ำ ฉลาดกว่าควายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่านเก่งกันเหลือเกิน ท่านน่าจะไปเป็นทหาร ไปรบที่ชายแดนใต้นะ

10
ห้องสภากาแฟและอื่นๆ / วิธีทำให้สาวหลง
« เมื่อ: มกราคม 11, 2014, 02:16:06 PM »
ใครทำแล้วมาบอกผลด้วยครับ

11
เมื่อสมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม ครูสอนให้จำคำนี้อย่างง่ายๆ โดยครูบอกว่า
" อนุญาต ไม่ใช่ญาติพี่น้องใคร " แค่นี้เองเราก็จำมาได้จนทุกวันนี้ว่า
" อนุญาต " เมื่อไม่ใช่ญาติพี่น้องใคร ก็ไม่ต้องใส่สระอิเข้าไป
ส่วนญาติพี่น้อง ต้องมีสระอิ...


แต่ถ้าจะให้เข้าใจความหมายว่าทำไม ใช้คำว่า " ญาต " ห้ามใช้คำว่า " ญาติ "
ก็ต้องมาดูกันที่รากศัพท์ของคำ...


คำทั้งสองมาจากคำในภาษาบาลี ซึ่งก็มาจากรากศัพท์เดียวกัน คือ " ญา " แปลว่า " รู้ "
ถ้าเพิ่ม ต เข้าไปเป็น " ญาต " แปลว่า " รู้แล้ว " หรือ " อันเขารู้แล้ว " และ
ถ้าลง ติ เป็น " ญาติ " ก็จะเป็นคำนาม หมายถึง " คนในวงศ์วานที่ยังนับรู้กันได้
ทางเชื้อสายฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ "


ญาติที่ยังนับรู้กันได้ หมายถึง ญาติสายตรง ที่นับจากตัวเราขึ้นไป 3 ชั่วคน
ได้แก่ พ่อแม่ 1 ปู่ย่าตายาย 1 และ ปู่ตาทวด ย่ายายทวด 1
และนับจากตัวเราลงไปอีก 3 ชั่วคน ได้แก่ ลูก 1 หลาน 1 และเหลน 1
เมื่อรวมเราเข้าไปด้วยก็เป็น " 7 ชั่วโคตร " พอดี


ในสมัยโบราณถ้าใครถูกลงโทษประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร ก็หมายถึง
ถูกล้างพงศ์เผ่าเหล่ากอกันเลยทีเดียว


ดังนั้นคำว่า " อนุญาต " พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
ให้ความหมายไว้ว่า " ก.ยินยอม, ยอมให้, ตกลง." คำในบาลีใช้ " อนุญญาต "
เราเอามาใช้ในคำไทยก็ตัดคำซ้อนออกตัวหนึ่ง จึงเหลือเพียง " อนุญาต "
การให้ความยินยอมยอมให้หรือตกลงให้ก็อยู่ในความหมายของคำว่า
รู้แล้ว หรือ อันเขารู้แล้วนั่นเอง


แต่ถ้าเป็นคำว่า " อนุญาติ " ก็จะกลายเป็น ญาติผู้น้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับ ญาติผู้ใหญ่ ....

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=133671

12
เรากำลังจะได้แพนด้าตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว นับเป็นข่าวดีทีเดียวที่เราจะมีสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเพิ่มขึ้นมาอีก แพนด้าเคยร่วมรบปกป้องบ้านเมือง เคยช่วยชาวนาไถนาปลูกข้าวให้เรากิน เป็นสัตว์ที่โคตรมีบุญคุณต่อคนไทยเลย สมควรที่เราจะยกย่องเชิดชูและเลี้ยงดูให้ดี สร้างอนุสาวรีย์ให้ลูกหลานไว้ชื่นชมและกราบไหว้

ไม่เหมือนช้างเร่ร่อนเที่ยวขอทานที่สร้างความรำคาญต่อผู้คน หรือควายโง่ที่ทุกวันนี้นอกจากควายดำ ควายเผือก ยังมีควายแดงและควายเหลือง ที่เผาบ้าน เผาเมือง ปิดถนน ยึดสนามบิน ทำให้ชาติวุ่นวาย ประชาชนเดือดร้อน

ช้างกับควายไม่มีอะไรดี สู้แพนด้าไม่ได้เลย

13
ด่วน ทิ้งทวนอนุมัติงบหลายแสนล้าน ก่อนยุบสภา
กระทู้ข่าว การเมือง ทุบสถิติ-ด่วน! ครม.นัดด่วน- รบ.มาร์คทิ้งทวน 15ชม.ถลุงรวดเดียว 5แสนล้าน


แม้ “ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงิน กว่า 8 แสนล้านบาท จะเกิดปัญหา มีกระแสข่าวทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นมากมาย

จน “รัฐมนตรี” และ “รองนายกรัฐมนตรี” อย่างน้อย 3 คนจะต้องหลุดออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยังอยู่ในอำนาจ แถม “รัฐมนตรี” อีกหลายต่อหลายคน กำลังอยู่ในระหว่างที่องค์การตรวจสอบ และองค์กรต่างๆ ยังสอบสวนอยู่ในขณะนี้
แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น จะไม่ได้ทำให้ “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ในขณะนั้น เกิดความยำเกรงต่อ “สายตาประชาชน”
ซ้ำร้ายในการประชุม ครม. นัดสุดท้ายของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในวันที่ 3 พ.ค. 2554 ก่อนที่จะเข้าสู่สถานะของ “รัฐบาลรักษาการ” เนื่องจากต้องหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. 2554

“รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการ “ประชุม ครม.ต่อเนื่องยาวนาน ข้ามวันข้ามคืน นานกว่า 15 ชั่วโมง” พร้อมกับมีมติอนุมัติงบประมาณ “หลายแสนล้าน” !!! หน้าตาเฉย

โดยสื่อมวลชนแทบจะทุกสำนัก พาดหัวข่าว ในเช้าวันที่ 4 พ.ค. 2554 ถึงเรื่องนี้ไปในทิศทางเดียวกัน โดย “ไทยโพสต์” พาดหัวว่า “ครม.นัดทิ้งทวนเทกระจาดร่วม 5 แสนล้าน!” หรืออย่าง “เว็บไซด์ คม ชัด ลึก” ที่พาดหัวว่า “ครม.นัดทิ้งทวน200วาระอนุมัติงบนับแสนล้าน” แล้ว “หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์” อีกครั้งใน วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ซึ่งพาดหัวว่า

“รุมเฉ่ง ครม.นัด-ด่วน 208 เรื่อง!” ( http://www.thaipost.net/node/38148 )
พร้อมโปรยว่า “รัฐบาลเรียงหน้าแจงประชุม ครม.นัดประวัติศาสตร์ 15 ชั่วโมง 208 เรื่อง ชี้อนุมัติแต่หลักการ เรื่องเก่าเก็บ “มาร์ค” อ้าง รธน.กำหนดจะให้รอ 3 เดือนถึงช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือ “ปณิธาน” ไปน้ำขุ่นๆ บอกงบทับซ้อนไปมา แท้จริงแค่หมื่นล้าน อดีต ผอ.สำนักงบฯ ถึงกับผงะ! ยิ่งกว่ายอดมนุษย์ในการ-ด่วน”


โดย “ไทยโพสต์” รายงานเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อวันพุธมีผลพวงจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดประวัติศาสตร์ ที่นอกจากมีวาระพิจารณามากถึง 208 วาระแล้ว ยังมีเวลาประชุมแบบข้ามคืนยาวนานถึง 15 ชั่วโมง โดยจบการประชุมเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. ซึ่งตลอดเวลาการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นั่งหัวโต๊ะควบคุมวาระต่างๆ ตลอด ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนเมื่อเริ่มดึกเกินเที่ยงคืนก็เริ่มง่วงนอน โดยรัฐมนตรีหลายคนไม่ได้อยู่จนเลิกและเดินทางกลับก่อน นำโดย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย, นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เป็นต้น
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมช่วงเที่ยงคืนได้มีการเสิร์ฟข้าวต้มรอบดึก ท่ามกลางรัฐมนตรีที่คอยลุ้นให้เรื่องที่เสนอทั้งวาระเพื่อทราบและจรผ่านการพิจารณา โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติงบกลางเป็นจำนวนมาก ทำให้นายกฯ แสดงความเป็นห่วงว่าจะทำให้งบกลางปีเหลือไม่มาก หากเกิดเรื่องด่วนขึ้นเกรงจะมีปัญหา
โดยท้ายข่าว “นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์” อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ ครม.อนุมัติงบประมาณแสนล้านในเวลา 15 ชั่วโมง เพราะตั้งแต่ทำงานสำนักงบฯ มาก็ไม่เคยเห็นแบบนี้ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ การยัดวาระเข้ามาทีเดียวนับร้อยแล้วพิจารณากันแบบจานด่วน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีแผนการใช้งบประมาณที่ดีพอ
“โครงการต่างๆ เร่งด่วนขนาดไหนถึงต้องรีบร้อนอนุมัติ ถ้าเป็นภัยธรรมชาติหรือสงครามก็พออนุโลม แต่การเช่ารถตรวจการณ์ของกระทรวงมหาดไทย 22 ล้านบาท ถามว่าสำคัญขนาดไหน” นายพูลทรัพย์กล่าว และว่า การพิจารณา 200 วาระกันแบบทั้งวันทั้งคืน ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ สมัยป็น ผอ.สำนักงบฯ เรื่องที่ได้เข้า ครม.ต้องสำคัญที่สุด และต้องกลั่นกรองก่อนเป็นสัปดาห์


http://www.phranakornsarn.com/sukhumbhand/1208.html


14
ห้องสภากาแฟและอื่นๆ / กฎหมายมีไว้ทำไม
« เมื่อ: ตุลาคม 24, 2013, 12:50:19 PM »
ถ้าทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิด แล้วจะมีกฎหมายไว้หาพระแสงหอกด้ามง้าวอะไร ยกเลิกกฎหมายทั้งหมดเลยดีกว่า ไอ้ที่ติดคุกอยู่ก็ปล่อยให้หมด ไม่งั้นมันไม่ยุติธรรมโว้ย

รัฐธรรมนูญเมืองไทยผ่านมาหลายฉบับ ทุกฉบับก่อนจะใช้ได้ต้องผ่านการลงพระปรมาภิไทยจากในหลวง
แต่ทุกฉบับถูกยกเลิกโดยทหาร นี่นะหรือประชาธิปไตย นี่นะหรือรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

15
เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นของหนึ่งในนิสิตทุนโครงการจุฬาฯ-ชนบท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เผยแพร่โดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ชมรมจุฬาฯ-ชนบท
ที่มา : http://on.fb.me/194Goi8


ถาม : แนะนำตัวหน่อย
ตอบ : ชื่อ ธันวา พัฒนะศรี ชื่อเล่น กอล์ฟ เป็นคนดินแดนข้าวหลาม ลูกน้ำเค็มชลบุรีตั้งแต่กำเนิดครับ พ่อแม่ทำอาชีพค้าขาย (ลองจินตนาการถึงแผงลอยตามตลาดนัดทั่วๆ ไปนั่นแหละครับ) จบมัธยมปลายจากโรงเรียนชลราษฎรอำรุง ทุกวันหลังเลิกเรียนจะตระเวนไปช่วยพ่อกับแม่ที่ตลาด จัดร้านขายของ จากนั้นก็เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น พร้อมกับกระสอบเปล่าหนึ่งใบ เดินไปเก็บขวด กระป๋อง เศษเหล็ก จะว่าไปก็ทุกอย่างนั่นแหล่ะ ที่มันเอาไปขายได้ ใคร ๆ ที่เห็นผมตอนนั้นไม่ค่อยเชื่อครับว่าผมเรียนหนังสือ จะนึกว่าเป็นเด็กเร่ร่อน (แหม่ ไม่รู้คิดได้ไงเนอะ หน้าผมออกจะคล้ายณเดชน์ ^^) จุดเปลี่ยนของชีวิตผมก็ตอนที่ประกาศผลออกมาว่าผมสอบติดทุนจุฬาฯ-ชนบท รุ่นที่ 27 คณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ

ถาม : ทราบว่าสามารถเข้าทำงานที่เชฟรอน (Chevron) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกได้
ตอบ : ครับ ตอนที่เลือกภาควิชา ผมเลือกภาควิชาวิศวกรรมปิโตรเลียมครับ เพราะผมชอบงานอะไรที่มันท้าทาย งานลุยๆ และก็อยากรู้ว่าเขาทำอย่างไรกันถึงเอาน้ำมันดิบที่อยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกเป็น หมื่นๆฟุตขึ้นมาได้ ผมถึงต้องพยายามเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ให้ได้ และก็ทำได้จริง ๆ

ถาม : ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ตอบ : ถ้าต้องการที่จะเข้าร่วมงานกับองค์กรใหญ่ๆ ไม่เฉพาะกับบริษัทน้ำมันนะครับ ประการแรกเลย คือ ผลการเรียนครับ หลายคนอาจท้อเพราะไม่รู้ว่าจะสู้เด็กกรุงเทพฯ ได้ยังไง ตอนแรกผมก็เป็นครับ และก็เข้าใจถึงความแตกต่างทางด้านการศึกษาระหว่างเด็กเมืองหลวงกับเด็กชนบท แต่นั่นถือเป็นเรื่องโชคดีนะครับที่เรารู้จุดอ่อนของตัวเอง ถึงเราอาจจะฉลาดไม่เท่าพวกเขา พื้นฐานความรู้แน่นสู้เขาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถนำมาชดเชยได้ก็คือความขยันครับ เขาอ่านรอบเดียว เราต้องอ่านสามรอบไปเลย และที่สำคัญอย่าคิดว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งนะครับ ให้ช่วยๆ กันไป ไปด้วยกัน ไปได้ไกลครับ

ประการที่สอง กิจกรรมระหว่างเรียน ผมขอยกให้สำคัญพอ ๆ กับการเรียนนะครับ เพราะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคตได้ ไม่ใช่แค่นั่งอยู่หน้าตำราอย่างเดียว การทำกิจกรรมให้อะไรหลาย ๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะทางการสื่อสาร การติดต่อกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การฝึกคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งทุกองค์กรล้วนแล้วแต่ต้องการบุคลากรที่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้นะครับ

ประการสุดท้าย การฝึกงานครับ เด็กจบใหม่ ๆ ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน การที่องค์กรหนึ่งจะรับเข้าไปทำงาน เขาจะต้องลงทุนทั้งเวลาทั้งทรัพยากรในการพัฒนาคนใหม่ๆ ขึ้นมา ดังนั้น เขาจึงต้องการคนที่มีความรับผิดชอบ มีวินัย จัดลำดับความสำคัญได้ มีทักษะทางสังคม ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะปรากฏชัดตอนฝึกงานครับ

ถาม : ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างกว่าที่จะได้เข้าร่วมงานกับเชฟรอน
ตอบ : ผมโชคดีตรงที่ช่วงปิดเทอมของปี 2 ผมได้โอกาสเข้ามาฝึกงานกับบริษัทเชฟรอนครับ ตอนนั้นบอกตามตรงเลยว่าเอ๋อมาก เดินเข้ามาที่บริษัทมีแต่ฝรั่ง เวลาส่งอีเมล์ก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษ เวลาประชุมถ้ามีฝรั่งอยู่ในห้องเพียงแค่คนเดียว ก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ จำได้ว่าตอนนั้น วัน ๆ ได้แต่คอยเดินหลบฝรั่ง ไม่สบตาบ้างล่ะ ภาวนาให้ประชุมไม่มีฝรั่งบ้างล่ะ อีกอย่างคือฝึกงานสามเดือน เขาให้ทำโปรเจ็กหนึ่งชิ้น สุดท้ายก็ต้องนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนำเสนอก็ท่องไปว่าจะพูดอะไรบ้าง แต่พอโดนถามคำถามก็ไบ้กิน พูดสื่อสารกับเขาไม่ได้ หลังจากจบโปรแกรมฝึกงานครั้งนี้ก็กลับมาทบทวนตัวเอง กลับมาพัฒนาจุดอ่อนของตัวเอง หลัก ๆ ก็คือด้านภาษาครับ ในยุคนี้ภาษาอังกฤษสำคัญมากจริง ๆ ครับ

จากนั้นก็มีโอกาสแก้ตัว ช่วงปิดเทอม ปี 3 ฝึกงานที่บริษัทเดิม แต่รอบนี้บอกเลยว่าถ้าเจอฝรั่งผมวิ่งเข้าใส่เลยครับ ตายเป็นตาย ฮ่าๆๆ หลังจากไปยกเครื่องภาษาอังกฤษมาใหม่ ทุกอย่างก็ดีขึ้นครับ แต่รอบนี้ผมเจอพี่เลี้ยงโหด มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาต้องการให้ผมลงไปดูงานที่แท่นผลิตน้ำมันกลางอ่าวไทย ตอนแรกดีใจมากที่จะได้ลงไปเห็นของจริงกับตาตัวเองสักที แต่สิ่งที่โหดร้ายก็คือ ผมต้องเดินทางไปคนเดียว ขนาดสนามบินดอนเมืองผมยังไม่เคยไป แต่ต้องนั่งเครื่องบินไปที่สงขลาเอง จากนั้นต้องไปที่สนามบินของบริษัทเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปที่แท่นกลางทะเลที่มีคนทำงานอยู่หลายร้อยชีวิต ผมไม่รู้จักใครเลยสักคน แต่สุดท้าย ผมก็ต้องเปลี่ยนจากความกลัวให้มาเป็นความท้าทายครับ และก็เอาตัวรอดกลับมาได้ ผมเข้าใจว่าที่พี่เลี้ยงส่งผมไปคนเดียวเพราะอยากจะรู้ว่าผมจะเอาตัวรอดกลับมาได้หรือเปล่า ผมจะเหมาะกับงานแบบนี้หรือเปล่า เพราะชีวิตการทำงานจริงในสายงานการขุดน้ำมัน มันโหดกว่านี้มาก ผมจึงตระหนักอยู่เสมอและอยากฝากน้อง ๆ ว่าการฝึกงานไม่ว่ากับองค์กรไหน ทุกอย่างที่เขาให้ทำล้วนมีเหตุผลครับ ฉะนั้นอย่าละเลยเพราะเห็นว่ามันไม่สำคัญนะครับ

หลังจากจบการฝึกงานกับบริษัท ก็กลับมาเรียนตามปกติ จำได้ว่าตอนนั้นปี 4 เทอม 1 บริษัทโทรมาหาผม บอกว่า ได้รับเงินรางวัลห้าหมื่นบาท เป็นรางวัลจากโปรเจ็กที่ทำตอนฝึกงาน และบริษัทเสนอตำแหน่งงานให้หนึ่งตำแหน่งโดยไม่ต้องสัมภาษณ์ ถ้าสนใจให้เข้ามาเซ็นสัญญา...ตอนนั้นดีใจมากครับ

ทุกวันนี้ จากเด็กที่เดินเก็บขวดเปล่าไปขาย กลายมาเป็นวิศวกรกลางอ่าวไทย ความสำเร็จในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีพ่อแม่ที่คอยพร่ำสอน และโอกาสจากหน่วยจุฬาฯ-ชนบท รวมถึงเพื่อน ๆ ที่คอยช่วยเหลือกันมา ที่สำคัญ ต้องขอบคุณความมุมานะของตัวเอง ขอใช้โอกาสนี้ขอบพระคุณทุกคนครับ

ถาม : ฝากอะไรถึงน้อง ๆ สักหน่อย
ตอบ : ฝากถึงน้องๆ ทุกคนนะครับว่า ถึงแม้เราจะเกิดมาไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ไม่ได้พร้อมเหมือนคนอื่น ๆ ก็อย่ามัวแต่โทษโชคชะตาครับ ขอแค่เรามีความพยายาม มีเป้าหมาย และมีวินัยกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ความสำเร็จก็อยู่แค่ปลายจมูกแล้วครับ When we can no longer change the situation, we are challenged to change ourselves.

หน้า: [1] 2 3