ผู้เขียน หัวข้อ: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน  (อ่าน 11838 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
ด่วน ทิ้งทวนอนุมัติงบหลายแสนล้าน ก่อนยุบสภา
กระทู้ข่าว การเมือง ทุบสถิติ-ด่วน! ครม.นัดด่วน- รบ.มาร์คทิ้งทวน 15ชม.ถลุงรวดเดียว 5แสนล้าน


แม้ “ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” วงเงินงบประมาณจาก พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงิน กว่า 8 แสนล้านบาท จะเกิดปัญหา มีกระแสข่าวทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นมากมาย

จน “รัฐมนตรี” และ “รองนายกรัฐมนตรี” อย่างน้อย 3 คนจะต้องหลุดออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยังอยู่ในอำนาจ แถม “รัฐมนตรี” อีกหลายต่อหลายคน กำลังอยู่ในระหว่างที่องค์การตรวจสอบ และองค์กรต่างๆ ยังสอบสวนอยู่ในขณะนี้
แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น จะไม่ได้ทำให้ “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ในขณะนั้น เกิดความยำเกรงต่อ “สายตาประชาชน”
ซ้ำร้ายในการประชุม ครม. นัดสุดท้ายของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในวันที่ 3 พ.ค. 2554 ก่อนที่จะเข้าสู่สถานะของ “รัฐบาลรักษาการ” เนื่องจากต้องหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. 2554

“รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการ “ประชุม ครม.ต่อเนื่องยาวนาน ข้ามวันข้ามคืน นานกว่า 15 ชั่วโมง” พร้อมกับมีมติอนุมัติงบประมาณ “หลายแสนล้าน” !!! หน้าตาเฉย

โดยสื่อมวลชนแทบจะทุกสำนัก พาดหัวข่าว ในเช้าวันที่ 4 พ.ค. 2554 ถึงเรื่องนี้ไปในทิศทางเดียวกัน โดย “ไทยโพสต์” พาดหัวว่า “ครม.นัดทิ้งทวนเทกระจาดร่วม 5 แสนล้าน!” หรืออย่าง “เว็บไซด์ คม ชัด ลึก” ที่พาดหัวว่า “ครม.นัดทิ้งทวน200วาระอนุมัติงบนับแสนล้าน” แล้ว “หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์” อีกครั้งใน วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ซึ่งพาดหัวว่า

“รุมเฉ่ง ครม.นัด-ด่วน 208 เรื่อง!” ( http://www.thaipost.net/node/38148 )
พร้อมโปรยว่า “รัฐบาลเรียงหน้าแจงประชุม ครม.นัดประวัติศาสตร์ 15 ชั่วโมง 208 เรื่อง ชี้อนุมัติแต่หลักการ เรื่องเก่าเก็บ “มาร์ค” อ้าง รธน.กำหนดจะให้รอ 3 เดือนถึงช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือ “ปณิธาน” ไปน้ำขุ่นๆ บอกงบทับซ้อนไปมา แท้จริงแค่หมื่นล้าน อดีต ผอ.สำนักงบฯ ถึงกับผงะ! ยิ่งกว่ายอดมนุษย์ในการ-ด่วน”


โดย “ไทยโพสต์” รายงานเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อวันพุธมีผลพวงจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดประวัติศาสตร์ ที่นอกจากมีวาระพิจารณามากถึง 208 วาระแล้ว ยังมีเวลาประชุมแบบข้ามคืนยาวนานถึง 15 ชั่วโมง โดยจบการประชุมเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. ซึ่งตลอดเวลาการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นั่งหัวโต๊ะควบคุมวาระต่างๆ ตลอด ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนเมื่อเริ่มดึกเกินเที่ยงคืนก็เริ่มง่วงนอน โดยรัฐมนตรีหลายคนไม่ได้อยู่จนเลิกและเดินทางกลับก่อน นำโดย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย, นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เป็นต้น
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมช่วงเที่ยงคืนได้มีการเสิร์ฟข้าวต้มรอบดึก ท่ามกลางรัฐมนตรีที่คอยลุ้นให้เรื่องที่เสนอทั้งวาระเพื่อทราบและจรผ่านการพิจารณา โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติงบกลางเป็นจำนวนมาก ทำให้นายกฯ แสดงความเป็นห่วงว่าจะทำให้งบกลางปีเหลือไม่มาก หากเกิดเรื่องด่วนขึ้นเกรงจะมีปัญหา
โดยท้ายข่าว “นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์” อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ ครม.อนุมัติงบประมาณแสนล้านในเวลา 15 ชั่วโมง เพราะตั้งแต่ทำงานสำนักงบฯ มาก็ไม่เคยเห็นแบบนี้ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ การยัดวาระเข้ามาทีเดียวนับร้อยแล้วพิจารณากันแบบจานด่วน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีแผนการใช้งบประมาณที่ดีพอ
“โครงการต่างๆ เร่งด่วนขนาดไหนถึงต้องรีบร้อนอนุมัติ ถ้าเป็นภัยธรรมชาติหรือสงครามก็พออนุโลม แต่การเช่ารถตรวจการณ์ของกระทรวงมหาดไทย 22 ล้านบาท ถามว่าสำคัญขนาดไหน” นายพูลทรัพย์กล่าว และว่า การพิจารณา 200 วาระกันแบบทั้งวันทั้งคืน ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ สมัยป็น ผอ.สำนักงบฯ เรื่องที่ได้เข้า ครม.ต้องสำคัญที่สุด และต้องกลั่นกรองก่อนเป็นสัปดาห์


http://www.phranakornsarn.com/sukhumbhand/1208.html


ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 10:43:11 AM »
โมฆบุรุษ

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สามขุม ผูกประเจียด



 
15 ชั่วโมง หรือ 900 นาที

เวลาที่ครม.อภิสิทธิ์ใช้ประชุมสั่งลา

244 เรื่อง

วาระที่ครม.อภิสิทธิ์พิจารณาตัดสินใจ

557,517 ล้านบาท

งบประมาณที่ครม.อภิสิทธิ์อนุมัติทิ้งทวน

เฉลี่ยแล้วอภิสิทธิ์กับรมต.ใช้เวลาแค่ 3 นาทีกับ 6 วินาที พิจารณาเรื่องสำคัญของประเทศชาติ 1 เรื่อง 1 วาระ

เฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 นาที อภิสิทธิ์กับรมต.อนุมัติงบประมาณ 619,463,333.333 บาท

โอ้ว พระเจ้า กินเนสส์ บุ๊กน่าจะบันทึกสถิติโลก

ในฐานะครม. ยอดขยัน ประชุมนาน คิดไว ตัดสินใจเร็ว ใช้เงินมโหฬาร

อภิสิทธิ์และคณะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไม่ใช่แค่ของโลก แต่ระดับทะลุจักรวาล

อย่างว่านานๆ ได้เป็นรัฐบาล แถมตอนเป็นก็เป็นแบบไม่ปกติ ก่อนจะไปก็เลยไม่เกรงใจประชาชนเจ้าของเงิน

ให้มันรู้ไปเลยว่า ใคร พวกไหน คือ เจ้าของประเทศ

เห็นรัฐบาล พรรค นักการเมือง อิ่มหนำสำราญกับเงินทองกันแล้ว

ลองมาดูข้าวปลาอาหาร "ของจริง" ที่ประชาชนต้องกิน ต้องใช้ ต้องซื้อ

ข้อมูลจาก นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์

ราคาผักสดปรับขึ้น 14.4% อาหารสำเร็จรูปปรับขึ้น 5.6%

เนื้อสัตว์สูงขึ้น 7.2% โดยเฉพาะหมู เพิ่มจากก.ก.ละ 115-130 บาท เป็น 125-145 บาท

ไข่ไก่ทะลุฟองละ 4 บาท เช่นเดียวกับน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สก็ขยับทุกนาที

ประจานรัฐบาลหมดปัญญา ไร้ประสิทธิภาพ ความสามารถ

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องกระทบกับชีวิต และปากท้องประชา ชนโดยตรง

แล้วยังสิ้นคิด สิ้นท่า หน้ามืด ถึงขนาดต้องไปเกาะโหนกระแสละครทีวี

ยอมกระโดดลง "น้ำเน่า" เพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนด้อย อ่อนหัดของตัวเอง

ผลก็คือนอกจากทำอะไรไม่ได้ ยังทำให้ละครเรื่องนั้นเรตติ้งกระฉูดกว่าเก่า

เน่าหนักกว่าละครกันทั้งรัฐบาล

และที่ประกาศ ยืนยัน ย้ำหนักแน่นมาตลอด จะยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.

วันนี้วันศุกร์สุดสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค. ถ้าสภายังไม่ยุบ ก็แสดงว่าตระบัดสัตย์ ไร้สัจจะ ผิดคำพูด

ทำเนียบ "โมฆบุรุษ" กวักมือเรียก!?


ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 10:43:45 AM »
ตลึง !!! ผลงาน 6 เดือน รัฐบาลอภิสิทธิ์ (ใครว่าไม่มีผลงาน)
ใช้นามว่า อสูรแดงคืนชีพ ได้สรุปผลงานเพิ่มเติมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ (ชน) โพสต์ที่เว็บบอร์ด ประชาไท โดยคุณ mmm1288 ดังนี้

ผลงานเด่น ๆ พรรคปชป.

-ตามหาพ่อให้เคอิโงะ

-ค้นพบปลาเก๋าในตู้คอนเทนเนอร์ร้างใต้ทะเล

-ประสบความสำเร็จในการทำหลินฮุ่ยท้อง พร้อมกับเดินทางไปเจรจาระดับชาติกับจีน เพื่อให้ลูกแพนด้าได้อยุ่ต่อ

-ค้นพบว่าสมุนไพรไทย 13 ชนิด เป็นสารพิษ

-เพิ่งค้นพบความจริงให้คนไทยที่ยังไม่รู้ ได้ทราบว่า เขาพระวิหารเป็นของเขมรนานแล้ว

-ประสบความสำเร็จในการทำให้ไข้หวัดหมู หายจากประเทศไทยได้ 100% ด้วยการเปลี่ยนชื่อเป็นไข้หวัด2009

-จัดงานโอทอปโดยการเปลี่ยนสถานที่ไปที่สนามศุภฯ และตามห้างต่าง ๆ ขจัดปัญหาเรื่องคนเบียดกันแน่นในปีก่อน ๆ กลายเป็น เดินน้อย เลือกซื้อกันได้สะดวก

-แจกเงินสองพันให้กับคนที่ไม่จน ที่จนจริง ๆ เราไม่แจก

-สร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฝั่งธน ให้เป็นคอขวดที่เดียวในโลก

-นายกได้จับมือกับ แมนนี่ ปาเกียว

-ปลากระป๋องเน่า

-เช็คช่วยห้าง คอมมิสชั่นช่วยธนาคาร

-ต้นกล้าสิ้นชีพ

-รถเมล์เอ็นอเวจี

-ปิดบังไข้หวัด เป็นเองหายเอง แต่แก้ตัวรายวัน

-สร้างบ้านให้หมีแพนด้า 60 ล้าน

-ทำสูจิบัตรใบใหญ่ที่สุดในโลกให้หมีแพนด้า

-จัดงานวันเกิดครบรอบ 1 เดือนให้หมีแพนด้า

-ใช้เงินในการตั้งชื่อหมีแพนด้ามากที่สุดในโลก

-ตามจับทักษิณถึงดูไบ แต่ถูกตอกหน้าหงายกลับมา

-กราบไหว้เหลือง แต่จับแดงเข้าคุก

-หวยรัฐบาลราคา 80 ขายจริง 110-120 บาท

-ทำให้คนไทย ลดการนำเข้าน้ำมัน โดยสอนให้คนไทย รู้จักประหยัด ด้วยการขึ้นภาษีน้ำมัน

-ทำให้ช่อง nbt เป็นช่อง หอยม่วง จากที่เรตติ้งดีทุกวันอาทิตย์ กลับเป็นไม่มีคนดูช่องนี้เลย

คุณ seven-elephant ได้สรุปผลงานเพิ่มเติมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ (ชน) จากคอลัมน์ บุคคลในข่าว ไทยรัฐ ฉบับวันอังคารที่ 30 มิ.ย. 2552 ดังนี้

-ใช้งบประมาณหาเสียงแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

-สร้างความไม่เป็นธรรมในหมู่ประชาชน แจกเงินพนักงานรัฐวิสาหกิจ 2000 บาท ชาวบ้านธรรมดา อดตาย

-โยกย้ายข้าราชการ โดยลุแก่อำนาจอ้างเหตุผลการย้ายแบบน้ำขุ่น ๆ

-ต่ออยุราชการแบบประหลาดให้กับนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯที่คาราคาซังปลากระป๋องเน่าเพิ่ม

-แจ้งยอดคนป่่วยไข้หวัด 2009 ตาย แต่อีกตั้งเยอะไม่บอก นายกฯ บอกแค่ว่า เป็นธรรมดา เพราะประเทศอื่นเขาก็เป็น......กรรมของคนไทย

- 6 เดือน สร้างหนี้ได้ 800,000 ล้านบาท อยู่ครบ 4 ปี จะทำยอดหนี้ได้เท่าไหร่น่า คิดไม่ออก เยอะเหลือเกิน ล้นจอเครื่องคิดเลข แฮะ ๆ ๆ

http://talk.mthai.com/topic/70071

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 10:44:35 AM »
ผลงานที่คนไทยต้องจดจำ 1 ปี 7 เดือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์
สะเก็ดไฟ
       
       ใครที่เคยนินทาว่าร้าย “ท่านนายกฯ ปู” ว่าไร้ผลงาน คงต้องหันกลับมามองผู้หญิงคนนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ใหม่
       
       เพราะเธอกำลังสร้างผลงานครั้งมโหฬารชนิดที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกว่า “ไม่เคยมีใครทำได้เท่ากับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่พูดนี่ไม่ได้เลีย เพราะไม่คิดอยากจะเป็นหนึ่งในแก๊งโฟร์ซีซั่นส์ที่เข้าไปอหังการ์อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า จนทำให้คุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลชินกล้าดื้อแพ่งกับพี่ชายในหลายเรื่อง กระทั่งล่าสุดต้องส่งการ์ดชุดใหม่ที่ไว้วางใจได้มาคุมน้องสาว เพื่อให้รายงานพฤติกรรม
       
       ผลงานที่บอกว่า ยิ่งลักษณ์ทำได้ในขณะที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และมันคือผลงานที่คนไทยต้องจดจำมีดังนี้
       
       1.) สามารถทำให้ประเทศชาติเจ๊งจากโครงการจำนำข้าวเพียงโครงการเดียวมากที่สุดในประวัติการณ์ เพราะเพียงแค่ 1 ปี 7 เดือน รัฐบาลที่มียิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทุบสถิติใช้เงินในโครงการนี้ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ขาดทุนปีละกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ถึงมือชาวนาแค่แสนล้าน อีกครึ่งหนึ่งกลายเป็นแป้งใช้ปั้นซาลาเปาไส้หมูแดง
       
       2.) ทำให้เกษตรกรรู้ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร จากเดิมที่เคยสัญญาหน้าฝนไว้ว่าจะจำนำข้าวทุกเมล็ดแม้กระทั่งข้าวนั้นจะเป็นข้าวคุณภาพต่ำแต่จะได้ราคา 15,000 บาทต่อตันเท่ากัน กระทั่งถังแตกหมดเงินทำโครงการ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ก็ออกหลักเกณฑ์ห้ามไม่ให้ข้าวคุณภาพต่ำที่มีอายุน้อยกว่า 100 วันเข้าโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ข้าว 18 สายพันธุ์ที่ชาวนาทำการเพาะปลูกไปแล้วต้องฝันค้าง หมดสิทธิเข้าโครงการรัฐบาล จึงถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีความกล้าหาญในการหักหลังชาวนาอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน
       
       3.) ทำให้เกิดไฟไหม้โรงสีโครงการรับจำนำข้าวอย่างปริศนาเกือบ 10 แห่งในรอบปีเศษ
       
       4.) ไอเดียบรรเจิดคิดจัดทำโซนนิ่งข้าว ซื้อข้าวจากเขมรมาแปรรูปเพื่อส่งออก ในขณะที่ข้าวไทยยังล้นสต๊อคอยู่ถึง 17 ล้านตัน ขายไม่ออกเพราะราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง จนเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้กับอินเดีย และ เวียดนาม
       
       5.) ทำให้ประชาชนตื่นตัวตอบรับกับโครงการรถคันแรกเกินคาด จากที่ประมาณการใช้งบประมาณคืนภาษีที่ 3 หมื่นล้านบาท ขยายเป็น 9 หมื่นล้านบาท เรียกว่ารัฐบาลประเมินพลาดไปถึง 6 หมื่นล้านบาท แถมยังเป็นรัฐบาลชุดแรกที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนภาษีให้กับประชาชนตามนโยบายของตัวเอง จนต้องล้วงเงินคงคลังมาจ่ายแทน โดยล่าสุดเตรียมที่จะเบียดบังเงินเก็บของชาติถึง 3 หมื่นล้านบาท
       
       6.) กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ดอกเบี้ย 3.16 ล้านบาท สร้างหนี้ให้ประชาชน 5.16 ล้านล้านบาท ใช้หนี้ยาว 50 ปี
       
        7.) การกู้หนี้ดังกล่าวทำให้คนไทยเป็นหนี้เพิ่มต่อหัวกว่า 8 หมื่นบาท รวมกับหนี้ปัจจุบันเท่ากับคนไทยจะเป็นหนี้ราว 1.5 แสนบาทต่อคน
       
       8.) กู้เงิน 2 ล้านล้าน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย มากกว่ายุคไอเอ็มเอฟ 4 เท่า สูงกว่ายุคอภิสิทธิ์ 6 เท่า แต่โครงการกลับไม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการ
       
       9.) ฉีกกรอบวินัยการเงินการคลัง ด้วยการกู้เงินนอกงบประมาณ ไม่ปฏิบัติตามวิธีการงบประมาณปกติ ทำให้เป็นรัฐบาลแรกที่กำลังจะมีเงินบริหารประเทศถึงกว่า 4 ล้านล้านบาท แต่ยังไม่เห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการสร้างหนี้ให้ประเทศ
       
       นอกจากการขายฝันในเชิงวัตถุว่าชาติจะพัฒนาจากการมีรถไฟความเร็วสูงที่ไปไม่ถึงหนองคาย ปาดังเบซาร์ เป็นรถไฟความเร็วสูงแบบหมาหางด้วนไม่เชื่อมจีนและมาเลเซีย ตามราคาคุยเชื่อไทยสู่โลก
       
       10.) มีวิธีการตั้งสมมติฐานด้านการเงินชั้นครู อ้างหนี้สาธารณะไม่เกิน 50 % หลังกู้ 2 ล้านล้าน ทั้งที่นักวิชาการด้านเศรษฐกิจและอดีต รมว.คลังหลายคนเห็นตรงกันว่า หนี้สาธารณะมีสิทธิแตะ 80% หลังการกู้ 2 ล้านล้าน และเดินหน้าโครงการประชาล่มจมแบบไม่สนชาติพัง
       
       11.) เป็นรัฐบาลที่มองโลกในแง่ดีมากที่สุด ประเมินว่าทุกปีเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 7.5% ต่อจีดีพี ทั้งที่ในความเป็นจริง การส่งออกในเดือนกุมภาพันธุ์ 2556 ลดลงถึง 5.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 คิดเป็นมูลค่า 17,928 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 519,912 ล้านบาท (คูณจากค่าเงิน 29 บาท)
       
       ขณะเดียวกันยังขาดดุลการค้าอีก 1,557 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 45,153 ล้านบาท และจากพิษค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ถึงร้อยละ 4.05 จะส่งผลกระทบให้รายได้จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลงกว่า 35,700 ล้านบาท ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าหากเงินบทแข็งค่าเช่นนี้ตลอดทั้งปีก็จะกระทบต่อจีดีพีภาคอุตสาหกรรมถึง 2.72 % ทำให้ทั้งปีจีดีพีภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 3.28 % จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6 %
       
        ส่งออกหด รายได้ลด ขาดดุลการค้าเพิ่ม แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มองโลกสีชมพูว่าจะทำให้จีดีพีโต 7.5 % ถ้าไม่ตั้งใจแหกตาประชาชนก็นับว่าไร้เดียงสามองโลกสวยจะทำคนไทยซวยในไม่ช้านี้
       
       12.) เป็นรัฐบาลชุดแรกที่เปิดโต๊ะเจรจากับโจรใต้อย่างเป็นทางการ โดยให้มาเลเซียเป็นตัวกลาง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าโจรที่เจรจาด้วยเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ยังเดินหน้าพูดคุยรอบสอง ท่ามกลางความรุนแรงในภาคใต้ที่ยังไม่ลดลง แต่รัฐบาลยังภูมิใจอยู่กับภาพที่ว่าเป็นผู้เจรจาสันติภาพบนคราบน้ำตาของประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงทุกวัน
       
       เพราะผลงานที่ ยิ่งลักษณ์ทำได้ ในขณะที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนข้างต้น จึงทำให้รัฐบาลขี้โม้ของ ยิ่่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่กล้าแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ต่อสภา ทั้งที่บริหารประเทศมานานกว่า 1 ปี 7 เดือนแล้ว

http://www.manager.co.th/politics/viewnews.aspx?NewsID=9560000039609

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 10:51:09 AM »
จะ 2 ปีที่ผ่านมา หรือจะ2020 ก็ถูกจับได้ว่าโกหกประชาชน
ตลอด 2 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์แทบไม่ได้สนใจสภา เอาแต่มุ่งมั่นเดินทางรอบโลกกว่า 42ประเทศ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยผลักดันวาระเข้าสภา3 เรื่องสำคัญ (1) แก้รัฐธรรมนูญเรื่อง ที่มาสว. ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด (2)พรบ.เพื่อการใช้เงินกู้ 2ล้านล้านนอกระบบงบประมาณ และ(3) แถลงผลงานรัฐบาล ที่ตกค้างมาเกือบปี

จะรีบปิดโต๊ะ สร้างเครดิตว่า ตลอดสองปีมีผลงานมากมาย ก่อนจะเดินหน้าสู่ปี 2020 อย่างไรไม่ทราบได้ แต่หากที่ผ่านมา 2 ปี ทำงานจริง หรือพรบ. 2 ล้านล้าน เป็นโครงการที่ได้ศึกษามาดีแล้วว่าจำเป็นและดีจริง ก็คงไม่โดนจับได้กลางสภาว่า “มั่วข้อมูล บิดเบือนตัวเลข” และพอโดนจับได้ ก็กลับไร้คำตอบใดๆจากผู้เป็นผู้นำรัฐบาล โยนปัญหาให้ลูกน้องตอบตามสไตล์นายกยิ่งลักษณ์

2ปีที่ไม่คุ้มค่าราคาคุย?

น่าสังสัยเอาตั้งแต่วิปรัฐบาลขอเลื่อนแถลงผลงาน 1 ปีรัฐบาล จากวันที่ 25 มาเป็น 24 กันยายน เพราะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ไม่ว่าง จนมาร้องอ๋อเมื่อตลอดช่วงบ่าย เย็นและค่ำของวันอังคาร มีนายสุรพงษ์ ออกมาตอบแทนนายกรัฐมนตรีทั้งหมด

ไม่เข้าใจว่าการที่ รมว.สุรพงษ์ออกมาบอกว่า การที่นายกฯและรมว.ต่างประเทศเดินทางไปเยือนต่างประเทศ รวม 2 ปี 1 เดือน ได้ถึง 55 ประเทศ เทียบกับสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางเยือนต่างประเทศรวม 34 ครั้ง ใน 2 ปี 8 เดือนว่า นี่คือผลงานที่ดีกว่านั้นได้อย่างไร เพราะหากจะบอกว่าที่เดินทางเยือนนั้น เพื่อประโยชน์ทางการค้าของประเทศ ไม่ใช่เพราะเรื่องช่วยวีซ่าพี่ชายหรือผลประโยชน์กลุ่มชินและพรรคพวกตามที่โดนกล่าวหา ก็ควรเอาตัวเลขการค้ามาเทียบเลยว่า ส่งออกดีขึ้นเท่าไหร่

ประการแรก วิธีการพูดของนายกยิ่งลักษณ์คือ บอกว่าปริมาณการค้าเพิ่มขึ้น ในที่นี้ปริมาณการค้าก็คือ ตัวเลขบวกทบกันทั้งนำเข้าและส่งออกระหว่างสองประเทศ ซึ่งในบรรดาประเทศที่นายกฯบอกว่าปริมาณการค้าเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ล้วนไทยขาดดุลการค้าในปีนี้แทบทั้งสิ้น  นั่นเท่ากับการไปเจริญสัมพันธไมตรีทางการค้าของนายกยิ่งลักษณ์คือการไปเจรจาเอาเงินไปให้เขา

ประการที่สอง การที่รัฐบาลประกาศปรับลดตัวเลขส่งออก เพราะพยายามจะเลี่ยงการประเมินตัวเลขส่งออกเทียบกับเป้าตอนสิ้นปี ก็นับว่าแย่มากแล้ว แต่ปีนี้มีการปรับเป้าส่งออกถึง 3ครั้งแล้ว สะท้อนผลงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าของทีมการค้าของนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของรัฐบาลนี้ กลับเลือกเอา นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่มีผลงานส่งออกสินค้าไทยตกต่ำสุดในรอบ 10ปี(เว้นปีที่เกิดอุทกภัยให้ ) มาตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ คุมการค้าทุกด้านของประเทศ

ประการที่สาม การที่รัฐบาลออกมาภูมิใจว่า นายกปูได้รับการเชิญไปแขกพิเศษสูงสุดของอินเดียเมื่อต้นปี 2555 และการที่นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางมาเยือนไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเป็นประเทศแรกๆหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าเป็นการให้เกียรตินายกยิ่งลักษณ์ ที่เก่งกาจเหนือใคร เช่นเดียวกับประธานาธิบดีสหรัฐที่มาเยือนไทยเพราะบารมีนายกยิ่งลักษณ์

แต่เรื่องจริงที่นายสุรพงษ์พูดไม่หมดก็คือ หลังจากที่ประเทศไทยเป็นแชมป์ส่งออกข้าวมาตลอดเพิ่งจะมาเสียแชมปให้กับอินเดีย และเวียดนาม โดยอินเดียปีล่าสุดส่งออกได้ถึง10.4ล้านตัน ขณะที่ไทยตกมาอยู่ที่ 6.9 ล้านตัน งานฉลองวันชาติอินเดียครั้งนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงฉลองชัยชนะการค้าเจ้าแห่งสินค้าเกษตรให้อินเดีย โดยที่แชมป์เก่าอย่างไทยไปยืนยินดีเป็นพยานความพ่ายแพ้ให้เขาด้วย จริงๆต้องนับว่าไทยขายข้าวตกเป็นอันดับสามที่ นอกจากอินเดียแล้ว ยังรองจากเวียดนามด้วย จึงไม่แปลกที่อินเดียจะเลี้ยงขอบคุณคุรยิ่งลักษณ์ที่แม้ไทยจะผลิตข้าวได้มากกว่าใคร แต่นายกยิ่งลักษณ์มีนโยบายกอดข้าวไว้แน่นไม่ยอมขายให้ใคร ขณะที่ไม่แปลกอีกเช่นกันที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต้องรีบมาขอบคุณนายกไทยที่อุตส่าห์เอาเงินภาษีคนไทยมาอุดหนุนซื้อรถญี่ปุ่น จนยอดเพิ่มช่วยต่อชีวิตเศรษฐกิจตกต่ำของญี่ปุ่น

เช่นเดียวกับ นายบารัคโอบามา ที่มาเยือนไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่เอาเข้าจริง ไม่ได้มีมีแค่ผู้นำสหรัฐประเทศเดียว แต่ยังมีอีกหลายประเทศ แต่ความจริงก็คือ เหตุใดโอบามาและผู้นำต่างๆจึงมาเอเซียน คำตอบอยู่ที่การมาไทยไม่กี่ชั่วโมง แต่จุดหลักคือ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่ผู้นำสหรัฐมาเยือนประเทศพม่า เพราะผู้นำชาติตะวันตกต่างรีบมาชิงเค้กก้อนใหญ่ จากการที่พม่าตัดสินใจเปิดประเทศ

เรื่องนี้วัดผลชัดๆได้จากการตัดสินใจเชิญประธานาธิบดีพม่าและผู้นำเวียดนามไปเป็นแขกของประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้  โดยไม่ปรากฏลิสต์รายชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในสายตาอีกเลยหลังจากผ่านมา 2 ปี น้ำลดตอก็ผุดว่า ใครเป็นใคร การที่ผลสำรวจคนไทยเองยังเชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ผู้นำที่แท้จริง ฝรั่งต่างชาติเขาจะดูไม่ออกเชียวหรือ  ถึงขนาดที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ของสหรัฐ เคยเผยแพร่บทความนายโทมัส ฟุลเลอร์ผู้สื่อข่าวที่ประจำประเทศไทย ผู้ที่ประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แม้จะถูกรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 แต่ยังคงมีบทบาทบริหารประเทศเป็นนายกฯ ตัวจริงในรัฐบาลปัจจุบัน

พอมีคนถามว่า เหตุใดคุณยิ่งลักษณ์ผู้นิยมเดินทางไปทั่วแม้กระทั่งประเทศเล็กๆอย่างมอนเตเนโกร แต่ไม่ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาในปลายเดือนนี้  เหตุผลไม่มีคิวเชิญให้ไปหารือแบบทวิภาคีแบบที่เวียดนาม พม่าและอีกหลายประเทศในอาเซียนได้รับเชิญ แต่คุณยิ่งลักษณ์เขาไม่ให้ราคาแล้ว ใช่หรือไม่? นายกฯไม่ตอบ รมว.ต่างประเทศก็อ้ำอึ้ง

2 ล้านๆฝาอนาคตได้หรือ

จากที่ไม่รู้ว่าเจตนาเริ่มต้นของรัฐบาลอยู่ที่งบฯหรือความจำเป็นกันแน่ ทำให้เลือกเส้นทางรถไฟความเร็วสูง โดยหั่นเส้นภาคใต้และภาคอีสานออก แล้วเอาเงินไปทำสายภาคเหนือ ซึ่งไม่มีความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สุดท้ายก็ใช้วิธีปรับแก้ผลการศึกษา ทำตามใจที่คิดให้ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงในเรื่องเอกสารที่ ระบุในเอกสารในพรบ.ว่าเป็นแค่ยุทธศาสตร์และแผนงาน โดยเลี่ยงที่จะระบุว่าเป็นโครงการ เรื่องนี้สำคัญมาก ล่าสุดทีดีอาร์ไอได้ออกมาเปิดแผลจับพิรุธว่าการทำเช่นนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนสำหรับโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ฐานเสียงของรัฐบาลออกไปได้ นั่นเท่ากับที่บอกว่า จะสร้างอะไรก็ไม่เป็นอย่างนั้นอีกได้

นอกจากนี้ในการประชุมสภาวาระพรบ.2 ล้านล้านเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อโดนฝ่ายค้านจับได้ว่ามี การปูดงบโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลกสายเดียวกันทั้งในพรบ.2 ล้านล้าน แล้วยังปรากฏในงบฯปกติอีก จึงออกมายอมรับและแก้ตัวว่า งบฯที่ปรึกษาแยกไว้ในงบฯปกติ นั่นเท่ากับวงเงินสูงกว่าที่เคยประเมินในเส้นอื่นๆที่เคยประเมินไปแล้วก่อนหน้าอย่างสายแหลมฉบัง-ศรีราชา เรื่องนี้หากไม่มองว่า บริหารไม่เป็น สิ้นเปลืองงบประมาณประเทศชาติ ก็อาจมองได้ว่าส่อทุจริต

นายกฯบอกจะสร้างอนาคตไทย 2020 ด้วยการก่อหนี้ให้ประเทศ ตัดสินใจใช้เงินทั้งหมดทุ่มให้กับโครงการคมนาคมขนส่งล้วนๆ รอบเดียว 2 ล้านล้าน โดยคิดแทนประชาชนที่เป็นผู้ต้องหาเงินมาใช้หนี้ไปอีก 50 ปีว่า ไม่ต้องการโครงการลงทุนขนาดใหญ่กับการพัฒนาด้านการศึกษาหรือสาธารณสุข นั้น ถูกต้องแล้วหรือ ที่เราจะฝากอนาคตไว้กับการตัดสินใจเช่นนี้  เพราะตลอดเกือบ 2ที่บริหารประเทศมา สิ่งที่นายกยิ่งลักษณ์คิดและตัดสินแทนคนไทย มันช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน

ล่าสุด เพียงสัปดาห์เดียวภายใต้การนั่งบัญชาการเองของนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการ กบอ.ของนายปลอดประสพ ในการจัดการปัญหาอุทกภัย ปรากฎว่าเกิดอุทกภัยแล้ว 27 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 1,798,270 คน บ้านเรือนเสียหายไปแล้ว4,069 หลัง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย

เราจะฝากอนาคตไว้กับคนๆนี้จริงๆหรือ
 
http://www.oknation.net/blog/political79/2013/09/26/entry-1

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 10:57:31 AM »
โชว์ผลงานฉาว! ยิ่งลักษณ์ไม่เคยแถลง เศรษฐกิจพัง-คุณภาพชีวิต 'แย่ลง'
  ย้อนดูการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชน 3 ปี “ยิ่งลักษณ์ฉาว” บริหารประเทศพัง ทั้งเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิต! คนไทยเตรียมแบกหนี้สาธารณะอ่วม หนี้ครัวเรือนสูงถึง 80% ขณะที่รัฐบาลแถลงผลงานโชว์แต่บวก บวก บวก ส่วนความจริงวันนี้ถูกวิพากษ์บริหาร “เพื่อพี่แม้ว-เพื่อตัวเอง” เป็นหลัก ผนึกพลังอุ้ม “ทักษิณ” กลับประเทศอย่าง “ผู้ชนะ” ด้าน “แหล่งข่าวความมั่นคง” เผย คลิปอัลกออิดะห์ของจริง ชีวิตทักษิณอยู่บนเส้นด้าย อยู่ต่างประเทศก็ยาก-กลับประเทศไทยก็กลัวถูกลอบสังหาร!
       
       ออกจะช้าไปหน่อยในการแถลงผลงานรัฐบาล “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เพราะ ใน “การรายงานผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นั้นจริงๆ แล้วตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 หมวด 5 ว่าด้วยแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ มาตรา 75 ได้บัญญัติไว้ว่า รัฐบาลจะต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานฯ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่อรัฐสภา ปีละ 1 ครั้ง
       
       นี่เข้าสู่ปีที่ 3 ของการบริหารงานแล้ว รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพิ่งจะแถลงนโยบายรัฐบาลเป็นครั้งแรก!
       
       เป็นการแถลงนโยบายการบริหารในช่วงปีที่ 1 เท่านั้น คือตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2554- 23 ส.ค. 2555
       
       การแถลงผลงานครั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมเอกสารสวยหรูมาทั้งสิ้น 519 หน้า แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน และส่วนที่ 2 ผลการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
       
       ตาม 16 นโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ในวันเข้ามาดำรงตำแหน่งคือ 23 ส.ค. 2554 ได้แก่ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ, การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ, การเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในด้านสินค้าและบริการ, ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค, ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุน
       
       ผลการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ 7 ด้านคือ ด้านความมั่นคงแห่งรัฐ, ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน, ด้านศาสนา สังคม สาธารณสุข การศึกษา และวัฒนธรรม, ด้านกฎหมายและการยุติธรรม, ด้านการต่างประเทศ, ด้านเศรษฐกิจ, ด้านที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญา และพลังงาน และด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
       
       แถมผลงานที่เอามาแถลงก็เป็นผลงานที่สวยหรู เกินกว่าความจริงที่ปรากฏแก่สายตาประชาชนมาตลอด
       
       “รัฐบาลตระหนักว่าความสำเร็จในการดำเนินนโยบายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมแรงจากทุกภาคส่วน ผ่านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลซึ่งนับเป็นการวางพื้นฐานการพัฒนาที่สำคัญให้แก่ประเทศ ดังนั้น ในระยะต่อไปรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงทางสังคม และสร้างความสุข ความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนคนไทยทุกคน โดยจะนำพาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”
       
       รัฐบาลแถลงสรุปโดยยังยืนยันว่ารัฐบาลมีความสำเร็จในการดำเนินนโยบาย แต่รัฐบาลคงลืมไปว่าเรื่องฉาวๆอันเกิดจากการบริหารงานของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่สามารถปกปิดประชาชนได้ เหมือน “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดก็ไม่มิด” ฉันใดก็ฉันนั้น
       
       ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม แม้จะถูกต้องตามหลักวิชาการมาอย่างต่อเนื่องถึงผลการบริหารงานที่ผิดพลาดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็ตาม แต่ดูเหมือนนายกฯ จะไม่สนใจ สามารถนำมาสรุปได้ดังนี้
ทำเพื่อพี่”- ทักษิณสั่งการพร้อมยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ
       
       อันดับแรก รัฐบาลยิ่งลักษณ์หนีไม่พ้นเรื่องฉาวที่ว่าเธอมาเพื่อ “ทำเพื่อพี่” โดยตั้งแต่วันแรกในการบริหารงานจน 2 ปีกว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ ภาพของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นภาพของการเป็นเพียง “เงา” ของพี่ชายอยู่ตลอดเวลา และยิ่งเห็นได้ชัดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ มีการสไกป์มาสั่งงาน ส.ส.ด้วยตัวเอง ใครไม่ทำตามก็ถือว่า “มีปัญหา” แน่
       
       ดังนั้นพี่ชายต้องการอะไร ยิ่งลักษณ์ต้องจัดให้
       
       แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า ตั้งแต่ตามดูรัฐบาลบริหารงานมาตลอด พบว่า นโยบายที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศอย่างสวยหรูนั้น เป็นเพียงสิ่งที่ข้าราชการสรุปให้มา นายกฯ ก็พูดตามว่าทำดีมาตลอด แต่สิ่งที่อยากให้คิดคือประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมาตลอด ดังนั้น ถ้าจะมองว่าดี หรือไม่ดี ให้พิจารณาเอาเอง แต่ในส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นการบริหารประเทศที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
       
       โดยเฉพาะประเด็นของการ “ทำเพื่อพี่” ที่มันมากเกินไป!
       
       “คนบริหารประเทศเวลานี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ปิดบัง และพยายามบอกต่อสาธารณะตลอดว่าเป็นคนคิดเรื่องของการบริหารประเทศมาตลอด รัฐบาลมีเพียงหน้าที่ทำตามที่เขาคิด แต่ตรงนี้คือเรื่องที่ผิดมหันต์ โดยเฉพาะการผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่นายกฯ ไม่บริหารประเทศ กลับให้คนอื่นมาบริหารประเทศแทน รัฐบาลเหมือนแค่คนรับจ็อบมาทำเท่านั้น”
       
       สิ่งที่เป็นปัญหาคือ การบริหารประเทศนั้น แม้ว่าจะเป็นคนที่เก่งแค่ไหน แต่อย่าลืมว่า การทำงานที่ดีควรจะมีคนที่ช่วยเป็นหัวคิดหลายคน ระดมสมองเพื่อบริหารประเทศ ไม่ใช่บริหารด้วยความคิดของคนคนเดียว เพราะตามหลักการแล้วจะสร้างความเสียหายกับประเทศชาติมากกว่า
       
       “จริงๆ มีหัวคิดหลายหัวคิด แต่หัวคิดเหล่านั้นก็ทำตัวเป็นคนไม่มีหัวคิด ไม่กล้าแย้ง เพราะกลัวโดนข้อหาอวดเก่ง กลัวว่าจะตกจากความเป็นรัฐมนตรี กลัวว่าจะไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เลยกลายเป็นไม่มีใครขัดคนคนเดียวได้”
       
       ปัญหาที่ตามมาคือ คนคนเดียวถ้าไม่ได้เป็นคนมีคุณธรรมเพียงพอแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนต่างๆ ขึ้นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์กลุ่มของตัวเอง และผลประโยชน์ของพรรคพวก
       
       “มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ เงินจากการทุจริตจะทำให้เขาสามารถยึดอำนาจเบ็ดเสร็จได้ สามารถครองอำนาจต่อเนื่องได้ยาวนาน เขารู้สึกว่าบ้านเมืองนี้เป็นของเขา”
       
       ดังนั้นอย่าแปลกใจ ที่งานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่สำคัญที่สุด โฟกัสอยู่ในรัฐสภา ทั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรการแก้ที่มาของ ส.ว., พ.ร.บ.งบประมาณ, การกู้เงิน 2 ล้านล้าน
       
       ทั้งหมดนำไปสู่การยึดอำนาจเบ็ดเสร็จทางการเมืองของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”?
       
       โดยเฉพาะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน และเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ
       
       “พรรคเพื่อไทยทำให้เห็นว่า กำลังเดินหน้าเพื่อช่วยประชาชน เพื่อช่วยพี่น้องเสื้อแดง เป็นการยอมเสียสละอย่างมากของ พ.ต.ท.ทักษิณ”
       
       แต่ว่าสุดท้ายมาตรา 3 จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” และแกนนำคนเสื้อแดง เพราะการยกโทษให้ผู้กระทำความผิดเมื่อสำเร็จแล้วเสร็จ ย่อมมีความหมายว่า การกระทำความผิดไม่เกิดขึ้น เมื่อการกระทำความผิดไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่มีผู้สั่งการ หรือ ผู้สั่งการก็ย่อมไม่ผิดไปด้วย
       
       เรื่องนิรโทษกรรมนี้ นายวสันต์ สร้อยวิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาพูดต่อสาธารณะไว้ด้วยว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาลนี้มีปัญหา โดยเฉพาะ 3 มาตรา คือ
       
       1.มาตรา 3 วรรคสอง เรื่องหลักนิติธรรม เช่น คดีที่เกิดพิพากษามาแล้ว อยู่ๆ จะยกเลิกมาพิจารณาใหม่ไม่ได้
       
       2.มาตรา 29 ซึ่งระบุว่าการออกกฎหมายต้องใช้บังคับเป็นการทั่วไป จะบังคับใช้กับคนคนเดียว หรือบางกลุ่มไม่ได้ เและ
       
       3.ในมาตรา 30 กำหนดไว้ว่า กฎหมายต้องไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสถานะของบุคคล แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป้าหมายในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาลเพื่อไทยในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการจะยกเว้นให้ “คนบางคน” เท่านั้น
       
       หรือกระทั่งเรื่องที่ไม่ยอมแถลงผลงานต่อรัฐสภา ทั้งๆ ที่มีการกำหนดไว้ว่ารัฐบาลต้องแถลงทุกปีนั้น ก็เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 75 วรรค 2
       
       ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเร่งพิจารณาในส่วนของที่มาของ ส.ว. ที่เป็นการเดินหน้าอย่าง “หักดิบ” เพราะแสดงให้เห็นว่าต้องการยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ เพราะ ส.ว.มีบทบาทสำคัญในการพิจารณาเลือกบุคลากรไปทำงานในศาล และองค์กรอิสระต่างๆ หากฝ่ายการเมืองคุมอำนาจ ส.ว.ได้เบ็ดเสร็จก็หมายความว่าการแทรกแซงศาล และองค์กรอิสระก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 27, 2013, 11:00:55 AM โดย yommatood »

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:02:22 AM »
‘2 ล้านล้าน’ ช่วยเพื่อไทยครองประเทศ
       
       สำหรับเรื่องต่อมาที่ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่เวลานี้คนในพรรคเพื่อไทยพูดกันให้แซดว่า
       
       “ได้ 2 ล้านล้าน รวมกับ 3.5 แสนล้านบาทจากโครงการน้ำมาได้ ไม่ว่าพรรคไหนก็ไม่มีทางสู้พรรคเราได้แล้ว”
       
       ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดว่า เงินกู้ตรงนี้ไม่ได้หวังผลในเรื่องของผลงานเท่าไรนัก แต่เน้นหนักถึงผลการเลือกตั้งที่จะเป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย
       
       กระทั่งมีการพูดกันต่อว่า
       
       “ถ้าฝ่ายหนึ่งจ่าย 500 บาท ฝ่ายเราจ่าย 1,000 ถ้าเขาจ่าย 1,000 เราจ่าย 2,000”
       
       ที่สำคัญยังมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่แล้ว หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น?
       
       “ความจริงในเชิงการข่าวแล้ว เรารู้มาว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินการอย่างเร่งรีบนั้น มีหลายประการ และมีเบื้องหลังที่ต้องทำเช่นนั้น”
       
       แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า ให้สังเกตเรื่องวีซ่าเข้าประเทศมอนเตเนโกรที่มีการเซ็นสัญญาร่วมกันเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาให้ดี เพราะคนในกระทรวงการต่างประเทศคุยกันให้แซดว่า “มีคำสั่งมาให้ดำเนินการภายใน 1 วัน” และต้องเสร็จให้ทันเวลา
       
       การเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นการตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมอนเตเนโกรว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร
       
       เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตมอนเตเนโกร เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมพร้อมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อมีโอกาส?
       
       “เขาเข้ามาแน่ แต่จะไม่มาตอนนี้ เพราะนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เข้ามาแบบหลบๆ ซ่อนๆ และจะเข้ามาอย่างผู้ชนะ จะกลับเข้ามาประเทศเมื่อเขามั่นใจว่าเขาสามารถกุมอำนาจได้แล้วเท่านั้น”
       
       เผยคลิป “อัลกออิดะห์” ของจริง
       
       แหล่งข่าวระบุอีกว่า ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าอยู่ในความกดดันอย่างมาก ในทางการข่าวได้มีการเช็กแล้วและพบว่าเรื่องคลิปอัลกออิดะห์เป็นเรื่องจริง
       
       “ตอนแรกก็มีแต่การสงสัย แต่ตอนนี้หลายๆ อย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เพราะมีการถามไปที่หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และได้รับยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งหากไม่ใช่เรื่องจริง กลุ่มอัลกออิดะห์ก็น่าจะออกมาปฏิเสธแล้ว แต่นี่ก็ไม่มี”
       
       ปัญหาจึงเกิดต่อมาว่า ประเทศต่างๆ ที่ได้เช็กแล้วว่าคลิปขู่ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้นในระดับประเทศก็ย่อมกลัวว่าจะเกิดวินาศกรรมในประเทศของตัวเองด้วยเช่นกัน อย่าลืมว่าวินาศกรรม 9/11 ที่เกิดในสหรัฐอเมริกานั้น เป็นเรื่องที่โหดร้ายและแสดงถึงพลังอำนาจของกลุ่มอัลกออิดะห์แค่ไหน ทั้งๆ ที่ตึกที่ถูกถล่มในครั้งนั้นอยู่ในใจกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นตึกที่เป็นสัญญะ (symbolic) ทั้งการคุมอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และการคุมอำนาจทางด้านความมั่นคงด้วย
       
       กลุ่มอัลกออิดะห์จึงมีทั้งฝีมือ ทั้งการกระทำที่ไม่ธรรมดา และเมื่อคิดจะทำแล้ว ประกาศออกมาแล้ว และถ้าไม่ทำก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
       
       อย่าลืมว่า กลุ่มนักรบมุสลิมโซมาเลียที่เพิ่งประกาศตัวว่าเป็นเครือข่ายของขบวนการอัลกออิดะห์ ก็เพิ่งบุกโจมตีห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 รายไปแล้ว
       
       “ผมว่าตอนนี้คุณทักษิณรู้ตัวนะ ว่าชีวิตอยู่บนเส้นด้าย การอยู่ต่างประเทศก็เสี่ยงที่จะถูกลอบฆ่า แต่ถ้ากลับมาเมืองไทย คุณทักษิณก็วางใจไม่ได้ว่ากลุ่มที่เป็นศัตรูเขาจะลอบสังหารเขาด้วยหรือไม่ ดังนั้นตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงยากลำบากของคุณทักษิณ”
       
       อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวย้ำว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการในขณะนี้คือให้นางสาวยิ่งลักษณ์ดำเนินการเพื่อเขาให้สำเร็จ ทั้งการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม, การแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ลดอำนาจ ส.ว.เพื่อเข้าแทรกแซงศาล และองค์กรอิสระได้, การกู้เงิน 2 ล้านล้าน และเงิน 3.5 แสนล้านเพื่อจัดทำโครงการน้ำ เป็นหลัก
       
       การคุมอำนาจเผด็จการทางการเมืองเบ็ดเสร็จ! คือสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังเดินหน้า?
       
       “ข่าวลือว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า ก็เป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แต่ก็ยังมองว่า เขาฉลาดพอที่จะรุก และถอย
       
       “ที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวเพื่อโยนหินถามทางมาตลอด พอโยนมาแล้วมีคนต้านมาก เขาก็ถอย เขาฉลาดที่จะแก้เกม กำหนดเกมใหม่ให้คนอื่นเล่นต่อ”
       
       การสร้างภาพ การสร้างข่าวลือ เป็นอีกสิ่งที่ขณะนี้พลพรรคเพื่อไทยกำลังทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
       
       “การไปร่วมงานกับป๋า การได้รับคำสั่งเข้าเฝ้าพิเศษฯ กว่า 2 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่ถูกปล่อยออกมามาก เพื่อโยงให้เห็นว่า คุณยิ่งลักษณ์ได้รับความเมตตา ไม่มีปัญหาแล้ว”
       
       ทั้งๆ ที่เรื่องจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ประโยชน์ในเชิงการข่าวแบบนี้ ทางพรรคเพื่อไทยได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ
       
       “ทั้งหมดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้พรรคพวกทำในเวลานี้ คือเตรียมเปิดทางเพื่อกลับประเทศ ในวันที่เขาจะกลับได้ แต่ไม่ใช่ในเร็ววันนี้แน่ เขาจะกลับต่อเมื่อมั่นใจแล้วว่าชนะ”
       
       นอกจากนี้ การเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่ามีการเดินทางมากเกินไป คือเดินทางในช่วงระยะเวลาการบริหารงาน 2 ปี ไปแล้วมากถึง 42 ครั้ง และไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ก็ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องทำตามคำสั่งพี่ชาย ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่การเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะพบข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปก่อนหน้า หรือหลังจากนั้นอยู่บ่อยครั้ง
       
       ซึ่งไม่รู้ว่า ไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง หรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจแอบแฝง?
  ‘ปู’ สร้างขุมกำลังตัวเองไม่สนเสียหาย
       
       ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมานายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึงถูกกระแสโจมตีอย่างหนักว่าบริหารประเทศตามคำสั่งและ/หรือ เพื่อ 'พี่ชาย' มาโดยตลอด จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
       
       และนี่คือที่มาของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อมาด้วยการพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเธอเป็นตัวของตัวเอง
       ด้วยการแข็งข้อต่อคำสั่งพี่ชายหลายต่อหลายครั้งให้สังคมได้เห็น เช่นกัน จนมีเสียงบ่นจากคนที่พี่ชายเลือกมาให้เป็นกุนซือด้านต่างๆ ว่านายกฯ ไม่เรียกใช้งาน แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ กลับมีท่าทีแข็งกร้าวที่จะเลือกคนของตัวเอง และกล้า “ขอ” พี่ชายที่จะให้คนเหล่านั้นมาอยู่รายล้อมตัวเธอมากกว่าคนของพี่ชาย
       
       การปรับคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง “เด็ก” ของยิ่งลักษณ์ ก็ยังเป็นคนที่ถูกเลือก ไม่ว่าจะมีความผิดพลาดในการบริหารงานสักเพียงใด
       
       คนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์นั้นได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมากกรณี “โกหกสีขาว”
       
       "ยอมรับว่าเป้าการส่งออกในปีนี้เติบโตไม่ถึง 15% อย่างที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะผมพูดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและ รมว.คลัง จึงได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงในบางเรื่องได้ ซึ่งการตั้งเป้าที่ระดับดังกล่าวก็เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ หากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาผมพูดความจริงไปว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยจะเติบโตไม่ถึง 15% ก็จะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนมีปัญหาได้ ดังนั้น ผมในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและ รมว.คลัง เค้าอนุญาตให้ผมพูดไม่จริงได้ในบางเรื่อง หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ดี เหมือนภาษาอังกฤษที่เรียกว่า White lie ที่แปลว่า โกหกสีขาว" นายกิตติรัตน์กล่าวเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2555
       
       นอกจากเรื่องโกหกสีขาวแล้ว นายกิตติรัตน์ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหาย และเปิดช่องให้เกิดการทุจริตตามมาอย่างมาก รวมทั้งในช่วงที่ นายกิตติรัตน์ เคยดูแลกระทรวงพาณิชย์ ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมราคาสินค้าให้ถูกลงได้ จากการผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้รัฐนาวายิ่งลักษณ์เกือบล่มเพราะค่าครองชีพแพงมาครั้งหนึ่งแล้ว
       
       แต่สุดท้าย “คนนี้น้องขอ” นายกิตติรัตน์จึงยังเป็นผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โต และไม่ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีสักครั้ง
       
       คนต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นคนสำคัญที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เอามาไว้ใกล้ตัวที่สุดในเวลานี้ ถึงขนาดเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้า “แก๊งไอติม” จากร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ที่ทำให้สารวัตรเฉลิมต้องตกจากที่สูงตำแหน่งรองนายกฯ คุมความมั่นคง ดูแลตำรวจซึ่งเป็นงานที่ถนัดไปเป็น รมว.แรงงาน คือ “ส.ตัวอ้วน” หรือ “เดอะปุ้ม” นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ความจริงออกจากพรรคเพื่อไทยเพื่อไปช่วยงาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์มาพักใหญ่ก่อนที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะเรียกมาใช้งาน
       
       ว่ากันว่า “ส.ตัวอ้วน” คนนี้คือมือประสานกองทัพแทนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และทำตามคำขอของ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ไม่ต้องการเห็นคนชื่อเดียวกัน “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีสายเสื้อแดง จนคนเสื้อแดงออกมาฮึ่มใส่ “ส.ตัวอ้วน” มาครั้งใหญ่
       
       นอกจากนี้ นายสุรนันทน์ยังได้รับมอบหมายงานสำคัญอย่างการไปนั่งหัวโต๊ะประชุมหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ หลายครั้ง นอกจากนี้ นายสุรนันทน์ยังเป็นผู้มีบทบาทหลักในการประสานงานลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มหมอชนบท กับ นพ.ประดิษฐ สินธณวรงค์ รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็น “เด็ก” ในสายนายกฯ หญิงคนนี้เช่นกันจนเกิดเวทีเจรจาลดโทนร้อนการเมืองในช่วงนั้นลงได้สำเร็จ
       
       นพ.ประดิษฐ สินธณวรงค์ นี้ เป็นสายแข็งคนหนึ่งที่ปัจจุบันกำลังทำงานใหญ่ให้ตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะการเข้ามาผ่าตัดโครงสร้างกระทรวงสาธารณสุข และการรวบอำนาจองค์กรตระกูล ส. กลับสู่อุ้งมือกระทรวงสาธารณสุข และปั้นให้ประเทศเป็น 'เมดิคัลฮับ’ ด้านสุขภาพนานาชาติต่อไป

http://www.rsutv.tv/index.php/detail/index/1091

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:19:40 AM »
รัฐล้มเหลวในมือรัฐบาลอภิสิทธิ์
อีกไม่กี่วันก็จะหมดปีเก่า และจะขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2553 แล้ว ตอนนี้ก็มีข่าวว่ารัฐบาลท่านกำลังเตรียมการแถลงผลงานปี 2552 ให้พี่น้องคนไทยเจ้าของประเทศได้รับทราบโดยทั่วกัน
       
       ก็ได้แต่มุ่งหวังตั้งใจให้รัฐบาลสามารถแถลงผลงานได้เป็นเรื่องเป็นราว ได้ตามความเป็นจริงในสิ่งที่ได้ทำให้กับบ้านเมืองและประชาชน
       
       เพราะถ้ารัฐบาลมีผลงานมาก และเป็นประโยชน์จริงแท้แน่นอนแก่ประเทศชาติและประชาชนแล้ว ถึงแม้ว่าไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ใครรู้ หรือแม้ว่าไม่ได้แถลงผลงาน มันก็เป็นผลงานอยู่วันยังค่ำ และย่อมส่งผลสำเร็จนั้นให้บังเกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนโดยตัวของมันเอง
       
       แม้กระนั้นรัฐบาลท่านก็ยังคงต้องแถลงผลงานอยู่ดี และการแถลงผลงานนี้ก็มีการแถลงผลงานอยู่ 2 อย่าง คือรัฐบาลท่านแถลงผลงานให้ประชาชนรับทราบว่าได้ทำอะไรไปบ้างอย่างหนึ่ง กับการแถลงผลงานต่อรัฐสภาซึ่งเป็นหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติอีกอย่างหนึ่ง
       
       รัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐบาลต้องแถลงผลงานต่อรัฐสภาปีละ 1 ครั้ง โดยต้องแถลงเปรียบเทียบกับสิ่งที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายไว้ นั่นคือแถลงนโยบายไว้ว่าอย่างไร ในปีหนึ่งๆ ได้ทำอะไรไปบ้าง และมีผลอย่างไร
       
       หากพูดโดยรวมก็คือรัฐบาลมีหน้าที่ต้องแถลงผลงานตามที่กฎหมายบัญญัติซึ่งเป็นการแถลงแบบแห้งแล้งอย่างหนึ่ง กับการแถลงผลงานให้ประชาชนทราบเพื่อสร้างความนิยมชมชอบให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ซึ่งย่อมมีผลต่อการเลือกตั้งในอนาคตอีกอย่างหนึ่ง
       
       ดังนั้นในห้วงเวลาเช่นนี้ ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านรวมทั้งประชาชนทุกภาคส่วนจึงหวังตั้งตารอว่ารัฐบาลจะแถลงผลงานอะไร และเป็นผลงานอย่างไรบ้าง เกิดผลอย่างไรบ้าง จะได้ชุ่มฉ่ำชื่นหัวใจ เพื่อทดแทนกับความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้
       
       ในห้วงเวลาเช่นนี้เพื่อเป็นแนวทางให้ประชาชนชาวไทยในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ในการติดตามการแถลงผลงานของรัฐบาล จึงสมควรที่จะได้กล่าวถึงเรื่องราวบางเรื่องเพื่อเป็นข้อสังเกตในการติดตามการแถลงผลงานของรัฐบาล
       
       นั่นคือคอยติดตามดูกันให้ดีว่าในการแถลงผลงานของรัฐบาล ได้มีการแถลงในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ และแถลงว่าอย่างไร รวมทั้งเนื้อความที่แถลงนั้นถูกต้องตรงกับความเป็นจริงที่เป็นไปหรือไม่ ซึ่งเห็นว่ามีเรื่องสำคัญดังต่อไปนี้คือ
       
       เรื่องแรก คือเรื่องผลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชน ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของรัฐบาล เพราะรัฐบาลใดก็ตามหากไม่สามารถสร้างผลงานดูแลความมั่นคงปลอดภัยให้กับประเทศชาติและประชาชนแล้ว รัฐนั้นก็ล้มเหลว รัฐบาลก็ล้มเหลว และผู้คนทั้งปวงก็ล้มเหลว กลายเป็นผู้ตกอยู่ในความเสี่ยงภัยที่มิรู้เป็นตายร้ายดีประการใด แล้วสำมะหาอะไรที่จะต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นอีก
       
       ในผลงานด้านนี้มีเรื่องที่เกี่ยวข้องสำคัญอยู่ 4 เรื่อง คือเรื่องปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการละเมิดรุกล้ำอธิปไตยตามแนวชายแดนไทย-เขมร ปัญหาการแย่งยึดผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล จำพวกน้ำมันและก๊าซในพื้นที่อ่าวไทย และปัญหาความปลอดภัยของประชาชน
       
       การที่มีอาวุธสงครามร้ายแรงถูกขนเข้ามายิงถล่มใครต่อใครในใจกลางพระนครหลายครั้งหลายหน แล้วจับมือใครดมไม่ได้ ทำให้ทุกสถาบันและทุกผู้คนตกอยู่ในความเสี่ยงภัยอย่างใหญ่หลวง ไม่มีความปลอดภัยใดๆ เหลืออยู่อีกเลย แม้ใจกลางพระนครก็ตามที
       
       แม้กระทั่งการปล้นชิงวิ่งราว การอุ้มฆ่า การลอบสังหาร การแพร่ระบาดของยาเสพติด การค้ามนุษย์และการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น แม้กระทั่งพระพุทธรูปอันสถิตอยู่ในพระอุโบสถก็ยังไม่มีความปลอดภัย ถูกคนชั่วตัดเศียรพระเอาไปขายวันแล้ววันเล่า วัดแล้ววัดเล่า โดยหาใครรับผิดชอบไม่ได้เลย
       
       เรื่องที่สอง คือเรื่องฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินที่กำลังขยายตัวลุกลามระบาดอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าหญ้าคอมมิวนิสต์ในฤดูฝน ทุกกระทรวงทบวงกรม ทุกหน่วยงานทุกหนทุกแห่ง ทุกโครงการ เต็มไปด้วยการทุจริตฉ้อฉล ฉ้อราษฎร์บังหลวง
       
       โกงกันอย่างเอิกเกริก อึกทึกครึกโครมนับหมื่นนับแสนล้าน โกงกันอย่างหน้าตาเฉยทั้งกลางวันและกลางคืน ถึงแม้เจ้าบ้านตื่นลุกขึ้นโวยวายด่าว่า ไอ้พวกโจรชั่วก็ไม่ยี่หระหลบหนีเหมือนที่เป็นมาแต่ก่อน กลับมุ่งมั่นปล้นชิงวิ่งราวต่อไปไม่ยอมหยุด บางครั้งก็คิดประหัตประหารเจ้าทรัพย์เสียอีก
       
       จนโครงการฉ้อฉลปล้นชาติที่รัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่กล้าทำ หรือทำไม่สำเร็จ ก็มีการผลักดันเร่งรัดกันจนสำเร็จแทบทุกโครงการ กระทั่งมีการชงเรื่องตั้งแท่นเพิ่มเงินเพิ่มโครงการเพิ่มงานกันอีกไม่หยุดไม่หย่อน
       
       หรือว่าแค่เวลาปีสองปีที่เหลืออยู่จะเอากันให้สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน ไปเลยหรืออย่างไร? มิน่าเล่ากระบวนการกู้ กู้ กู้ จนไม่ใส่ใจในเพดานวงเงินกู้สาธารณะจึงเกิดขึ้น และยังตั้งหน้ากู้กันเรื่อยไป
       
       ทุกหนทุกแห่ง ทุกหน่วยงาน ทุกโครงการ โกงกันระเบิดเถิดเทิง โกงกันถึงขั้นสูงสุดคือขั้นเซ้งกระทรวงหรือกรมให้เอกชนไปบริหารจัดการกันตามใจชอบแล้ว
       
       สภาพเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่จะต้องสนองกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้อย่างรีบด่วนและจริงจังที่สุด
       
       มิฉะนั้นแล้วประเทศก็จะเหลือแต่โครงกระดูก ประชาชนก็จะเหลือแต่ก้าง หาความเจริญงอกงามใดๆ ไม่ได้อีกเลย
       
       เรื่องที่สาม เรื่องความแตกแยกภายในชาติที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤตและกำลังกลายเป็นสงครามกลางเมือง ประหนึ่งว่ามีคนจงใจให้เกิดขึ้น เข้าทำนองยืมมือคนเสื้อแดงบ่อนทำลายสถาบันอันเป็นที่เคารพบูชา เพื่อคนบางกลุ่มบางพวกจะได้ชุบมือเปิบเอาในภายหลัง
       
       ในวันนี้การป้อนกระทั่งกล่าวได้ว่าอัดยัดเยียดข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี กลับขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาว ได้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในทุกระบบของการสื่อสาร ก่อให้เกิดความคิดที่ผิด ความเข้าใจที่ผิด ความเชื่อที่ผิด และการกระทำที่ผิดขึ้นอย่างกว้างขวางในขอบเขตทั่วประเทศ แล้วเป็นต้นเหตุให้ผู้คนขัดแย้งแตกแยกแตกสามัคคีกัน
       
       แตกแยกกันถึงขั้นเห็นผู้คนชาติเดียวกันเป็นศัตรูกันและกันที่จะต้องล้างผลาญทำลายล้าง ซึ่งจัดว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญที่สุด เพราะเป็นต้นเหตุของความเสื่อมสลายและความไม่เป็นปกติสุขของบ้านเมือง
       
       เมื่อใดก็ตามที่รัฐสามารถสร้างสรรค์ผลงาน นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกตรงรอบด้านให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงแล้ว พื้นฐานความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารก็จะก่อให้เกิดรูปการทางความคิดเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆ ไปในทางเดียวกัน รู้ว่าอะไรผิด รู้ว่าอะไรถูก รู้ว่าอะไรชอบ อะไรไม่ชอบ อะไรดีหรือไม่ดี
       
       ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติโดยตรง
       
       ถ้าหากรัฐได้ดำเนินการมีผลงานและประสบความสำเร็จ คนไทยคงไม่ขัดแย้งแตกแยกกันถึงปานนี้
       
       เรื่องที่สี่ การสร้างเสริมคุณธรรม ศีลธรรม และความสำนึกผิดชอบชั่วดีให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
       
       ที่สำคัญคือการส่งเสริมสนับสนุนให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง การป้องกันขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ ทำให้เกิดความไม่สงบวุ่นวายในบ้านเมือง แล้วเป็นอย่างไรเล่า?
       
       ในวันนี้คนดีกี่มากน้อยที่ได้รับการสนับสนุนให้มีอำนาจในบ้านเมือง เพราะข่าวคราวและข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นกลับกลายเป็นว่า คนไม่ดี คนชั่ว คนที่ยอมตัวเป็นข้าทาสบริวารนักการเมือง คนมีมลทินมัวหมอง มีประวัติฉ้อฉลปล้นชาติ ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีอำนาจในบ้านเมืองโดยทั่วไปในแทบทุกหน่วยงาน
       
       เอากันแค่สี่เรื่องนี้ก็พอ ขอเพียงพี่น้องประชาชนชาวไทยตั้งใจจับตาคอยดูให้ดีว่าในการแถลงผลงานปีนี้ รัฐบาลท่านจะพูดถึงเรื่องสี่เรื่องนี้หรือไม่ แล้วพูดว่าอย่างไร สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลเองถ้าหากไม่แถลงในสี่เรื่องนี้แล้ว ถึงจะแถลงเรื่องอื่นสักร้อยพันเรื่องก็ไม่อาจเป็นผลงานที่มีคุณค่าใด ๆ กับบ้านเมืองเลย.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000151950

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:20:30 AM »
ผลงาน 1 ปีของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ “ล้มเหลว” หลายเรื่อง รวมทั้งการ“ปกป้องสถาบัน”



        เมื่อวานนี้ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ฟังการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านด้วยความเสียดายหลาย ๆ อย่าง


        เสียดายค่าไฟในสภาผู้แทนราษฎรที่ปล่อยให้ ส.ส.สองฝ่าย “โต้วาที” ตอบโต้กันไปมาอย่างไร้สาระ แต่เมื่อนึกได้ว่าเป็น หน้าที่ของรัฐบาลจะต้องแถลงผลงานตามรัฐธรรมนูญก็จำใจต้องยอมรับเรื่องนี้


        เสียดายเวลาตัวเอง แทนที่จะไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่า แต่เมื่อนึกได้ว่า ต้องอดทนฟัง เพราะไม่งั้นคงไม่รู้ว่า รัฐบาลทำงานล้มเหลวในเรื่องใดบ้างจึงต้องฟังต่อไป จนทนไม่ได้จริง ๆ จึงเลิก(ฮา)


        อย่างไรก็ตาม แม้จะรับฟังการหาเสียงของรัฐบาลและการโจมตีรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านผ่านการถ่ายทอดสดไม่ครบถ้วน แต่ก็ยังโชคดีที่มีหนังสือพิมพ์สรุปประเด็นสำคัญมาถ่ายทอดให้รับทราบครับ


        ผลการดำเนินงานของรัฐบาลแยกออกเป็น 10 เรื่องใหญ่ประกอบด้วย


        1.นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล


        2.นโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ


        3.การบริหารราชการแผ่นดิน


        4.นโยบายด้านศาสนา สังคม สาธารณสุข การศึกษาและวัฒนธรรม


        5.นโยบายด้านกฎหมายและการยุติธรรม


        6.นโยบายด้านการต่างประเทศ


        7.นโยบายด้านเศรษฐกิจ


        8.นโยบายด้านที่ดิน ทรัยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


        9.นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญาและพลังงาน


      10.นโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน


        นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มีข้อแก้ตัว เอ๊ย มีข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินนโยบายแต่ละด้านเอาไว้ด้วย


ว่า เพราะอะไรหรือทำไม นโยบายบางเรื่องจึงทำไม่สำเร็จ 


        ระหว่างรับฟังการถ่ายทอดสดอยู่นั้น บางช่วงบางตอนก็นึกรำคาญที่ฝ่ายค้านบางคนหยิบยกปัญหาที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผลงานของรัฐบาลมาตอกย้ำอยู่นั่นแล้ว


        อย่างเช่น นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ออกมาทวงถามอยู่ได้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีถือสัญญาติอะไร ระหว่างไทยกับอังกฤษผมไม่รู้ว่าจะถามหาตะหวักตะบวยอะไร ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบครึ่งชั่วโมงหรือกว่านั้น


        แล้วนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ช่างกระไรเลย จะลุกขึ้นตอบเสียในตอนแรกให้หมดเรื่องหมดราวไปเลยก็ไม่ได้ว่า ถือทั้งสองสัญชาติเพราะได้มาโดยอัตโนมัติ..มันหนักหัวใครนักหรือ ก็ไม่ตอบ ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างน่าอิดหนาระอาใจจริง ๆ


        เท่าที่ผมฟังผลงานรัฐบาล เหมือนรัฐบาล “ได้” ทำในสิ่งที่รัฐบาล “อยากทำ” หาใช่เรื่องที่ ชาวบ้านหรือประชาชน “อยากให้รัฐบาลทำ” แต่อย่างใดไม่


        เรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลเรียกว่า นโยบายเร่งด่วนผมจะไม่แตะต้องนะครับ ถือว่าเป็นการทำงานตามหน้าที่ ที่เมื่อเห็นว่าประชาชนเดือดร้อนแล้วต้องหาทางแก้ไข ไม่ว่าจะการแจกเงิน หรืออื่น ๆ


        แต่เรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลก็คือ การใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในการบังคับบัญชาส่วนราชการต่าง ๆ ครับ


        วันนี้เรามี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ “พร้อมที่จะทำงานตามหน้าที่” อยู่แล้วในทุก ๆ ด้าน แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวในการบังคับบัญชาสั่งการหน่วยงานที่มีอยู่


        รัฐบาลนี้แก้ปัญหาด้วยการ ตะบี้ตะบันตั้ง “คณะกรรมการบานตะไท” ขึ้นมาชุดแล้วชุดเล่า เข้าไปทำงานในเรื่องที่หน่วยงานประจำควรจะ ดำเนินการตามที่หน้าที่ของเขา


        ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๆ ที่มีทั้ง ส.ส.และ ส.ว.อยู่ครบถ้วน


        ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ทั้ง ๆ ที่สามารถมอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมดำเนินการก็ได้


        และอื่น ๆ อีกยุ่บยั่บยังกะหนอน พูดง่าย ๆ รัฐบาลใช้หน่วยงานไหนไม่ได้ก็ตั้ง คณะกรรมการฯ ขึ้นทำงานแทน จนเกิดการซ้ำซ้อนระหว่างข้าราชการประจำกับกรรมการที่ว่านั้น


การตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เหล่าทำให้รัฐบาลต้องเสียเงินงบประมาณในการว่าจ้างบุคคลากรจากส่วนต่าง ๆ เข้ามาทำงานอย่างน่าเสียดายยิ่ง


        หรือแม้แต้โครงการบางโครงการอย่างประชาภิวัฒน์หรืออะไรนั่น ก็ไปจ้างเอกชนหรือนักวิชาการมา “คิด” ให้ เหมือนรัฐบาลชุดนี้ไม่มีสมองเป็นของตัวเอง


        ส่วนนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ ที่บอกว่าได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการกระทำที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน 75 จังหวัด และบังคับใช้กฎหมายกรณีที่มีการละเมิดสถาบันอย่างจริงจัง ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง


        ผมทราบมาว่ารัฐบาลนี้ได้มีการตั้งงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไว้อย่างมหาศาล เรียกว่า งบพิทักษ์ราชบัลลังก์ หรืออย่างไรนี่แหละ แต่ผลงานกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า


        รัฐบาลไม่รู้เลยหรือ ว่าวันนี้มี นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่ง บางคนเคยเข้าไปอยู่ในป่ากับ พคท. ได้รับนิรโทษกรรมให้ออกมาเรียนต่อ เมื่อเรียนจบแล้ว แทนที่จะทำงานรับใช้ชาติใช้แผ่นดิน 


คนเหล่านั้นได้แยกย้ายกันรับราชการเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐ กินเงินเดือนหลวง แต่ใช่ความรู้ความสามารถของตัวเองบิดเบือนประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ ด้วยการเขียน “พงศาวดาร” ขึ้นมาใหม่


คนเหล่านั้น ได้เผยแพร่สิ่งที่ตัวเองบิดเบือนแล้ว ด้วยการ “สอน” ลูกศิษย์ลูกหาของตัวเองที่ยังอ่อนเยาว์และไร้ภูมิต้านทานทางวิชาการเป็นช่องทางตรง


แล้วอาศัยเครื่องมือสื่อสารประเภทออนไลน์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการยัดเยียดให้เยาวชนในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซด์เดิม ๆ หรือแทรกซึมไปตามเฟชบุ๊ค เป็นช่องทางอ้อม


ทั้งนี้โดยมี สื่อสิ่งพิมพ์ที่ “รับรู้” กันในกลุ่มของคนเหล่านั้น เป็นสะพานเชื่อมต่อ หรือทำหน้าที่ เผยแพร่ข้อความนั้น ๆ ไปยังเป้าหมายที่พวกมันวางไว้


ผมเคยส่งข้อมูลบางอย่างไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักนายกรัฐมนตรี หรือ ที่ ศอฉ.เดิม แต่เว็บไซด์หรือสื่อบัดซับนั่น ก็ยังปรากฎอยู่ มิหน่ำซ้ำยังขยายวงกว้างออกไปกว่าเดิมอีกด้วย


        อย่างนี้แล้ว รัฐบาลยังจะกล้าอ้างว่าเป็นผลงานได้หรือ ?


        อีก 1 เรื่องที่ผมยังค้างคาใจก็คือ การปล่อยให้ภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รัฐบาลก็ไม่เคยคิดที่จะกำหนดนโยบายหรือวางแผนป้องกันปัญหาดังกล่าวเลยหรือ ?


       


        รัฐบาลดีแต่ตั้งงบประมาณเพื่อนำไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยเหล่านั้นอย่างมีเลศนัยปีแล้วปีเล่า


ทั้ง ๆ ที่หากมีการศึกษาและวางแผนกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้วผมเชื่อว่า ป้องกันได้ ดูอย่างประเทศในดินแดนทะเลทรายซิครับ เขายังสามารถปลูกต้นไม้ได้ หรือในบางประเทศที่อยู่ต่ำกว่าทะเลเขาก็ยังสามารถสร้างทำนบป้องกันน้ำทะเลท่วมได้


        อย่าให้ผมเข้าใจผิด ๆ นะครับว่า การที่นักการเมืองไม่ยอมตั้งงบแก้ภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างจริง ๆจัง ๆ นั้น เพราะมันโกงกินได้น้อยกว่าโครงการใหญ่ ๆ ???

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=690915

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:22:14 AM »
รัฐบาลปูจำใจแถลงผลงาน ปาหี่กลบล้มเหลว โกง



สวัสดี ครับ

         หลังจากที่รัฐบาลหลบเลี่ยงการแถลงผลงานครบ 1 ปี แบบทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่อนาทรต่อการให้ความ

เคารพต่อรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งเวลาผ่านไปจะครบ 2 ปีอยู่แล้ว ก็เผอิญถูกนาย คณิต ณ นคร ออกมาตะโกนใส่รัฐบา

ลว่าเป็นการขัดรัฐธรรมนูญนั่นแหล่ะ ทำให้รัฐบาลต้องขยับจะแถลงผลงานต่อรัฐสภาวันนี้ - พรุ่งนี้ 24 - 25 ก.ย. 56

         การที่รัฐบาลทำท่าอิดออดต่อการแถลงผลงานนี้ จะมองได้ว่าเป็นเพราะรัฐบาลไม่มีผลงาน หรือมีแต่เป็นผล

งานที่ไม่เข้าท่าได้เลยทีเดียว แต่ในที่สุดเมื่อรัฐบาลทนไม่ไหวต่อการถูกก่นด่าเร่งรัดให้เลิกการกระทำลบหลู่

รัฐธรรมนูญแล้วเชื่อมโยงถึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผย เตรียม 60 ส.ส.อภิปราย แถลงผลงานรัฐบาลปมบริหารล้มเหลว
และทำผิดกฎหมาย

 

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.
ถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้เตรียมสมาชิกไว้อภิปรายจำนวน 60
คน โดยแบ่งเป็น 2 เรื่องคือ ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล กับการทำ
ผิดกฎหมายและการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยที่สมาชิกจะยึดเป็นแนวทางการอภิปราย ซึ่งเรื่อง
ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลจะอภิปรายถึงปัญหาของมีราคาแพง
การขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การละทิ้งปัญหา เรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาค
ใต้ การเลือกปฏิบัติบริหารแบบสองมาตรฐาน การคุกคามองค์กรอิสระ และเรื่องการทำผิด
กฎหมายและการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่การแถลงนโยบายครั้งนี้ก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพราะไม่ได้
แถลงตอน 1 ปีแรก ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่รู้สึกกังวลอะไรที่รัฐบาลจะตั้งทีมขึ้นมาดูการ
อภิปรายของฝ่ายค้าน เพราะอภิปรายในข้อเท็จจริง เพียงแต่ขอให้รัฐบาลชี้แจงให้ได้ก็พอแล้ว


'วราเทพ'ยันรัฐบาลพร้อมแถลงผลงานปีแรก

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ กล่าวยืนยันกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทางรัฐบาลมีความพร้อมในการ
แถลงผลงาน ตั้งแต่ทำหนังสือรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี ตามแนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ปีที่หนึ่ง ให้สภาเมื่อเดือนพฤสจิกายน ปี 2555 แล้ว และคิดว่า ส.ส. มี
ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวดี เพราะการเปิดสมัยประชุม ห้ามเสนอเนื้อหาอื่น โดยยืนยันว่า
รัฐบาลไม่ได้หลบหลีกหรือเลี่ยงแถลงผลงาน

ส่วนเนื้อหาในการชี้แจงนั้น ยังอยู่ในช่วงเดือน ส.ค. 2554 - ส.ค. 2555 ซึ่งมี 2 เรื่องใหญ่ คือ
นโยบายเร่งด่วน 16 ด้าน และการยกระดับราคาสินค้าเกษตร ทั้งนี้ ทางรัฐบาลพร้อมชี้แจงฝ่าย
ค้าน หากจะมีการอภิปรายเกินปีแรก เพราะขณะนี้กำลังทำรูปเล่มปีที่ 2 และคณะรัฐมนตรี มี
การพูดคุยเรื่องดังกล่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว


ปชป.ชี้รัฐนับเลขแถลงผลงานผิด-1ปีต้อง1ครั้ง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การแถลงผลงานของรัฐบาลในขณะนี้ ถือว่าเป็นการนับตัวเลขผิด
เพราะต้อง 1 ปี แถลง 1 ครั้ง อีกทั้ง ประธานสภา ก็ทำตัวเป็นลิ่วล้อให้รัฐบาล ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา
พบว่า สินค้าอุปโภคและบริโภค ทยอยขึ้นราคาเป็นจำนวจมาก แต่สินค้าเกษตรกลับตกต่ำ
ตลอดจนยางพารา มีมูลค่าส่งออกมากกว่าข้าว แต่รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ รวมถึง มุ่งแต่คิดที่จะนำ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้าน และแก้รัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ยังมีความพยายามหลบหลีกมาโดยตลอดและชอบโกหกหน้าซื่อ อย่างไรก็ตาม ทางฝ่าย
ค้านมีความพร้อมในการอภิปรายแล้ว เพราะมีข้อมูลทุกคน อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะแก้ต่างอย่างไร

หลังจากพยายามหลบเลี่ยงไม่ยอมแถลงผลงานประจำปีจนนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีต
ประธานศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 75 อย่างชัดเจนทำให้รัฐบาล
ภายใต้การนำของนายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจำยอมสร้างภาพแถลงผลงานประจำปีต่อ
รัฐสภาซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.นี้

ที่ผ่านมารัฐบาลหนีการแถลงผลงานประจำปีก็เพราะ 2 ปีในการบริหารราชการแผ่น
ดินนอกจากจะไร้ผลงานแล้วยังล้มเหลวไม่เป็นท่าแทบทุกด้าน และที่สำคัญส่อพฤติการณ์
ทุจริตโกงบ้านกินเมืองมโหฬารอย่างไม่เคยมีมาก่อน จึงกลัวฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์
ชำแหละกลางสภา

การแถลงผลงานประจำปีครั้งนี้นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองนอกจากจับจ้องว่า
รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้จะเอาผลงานอะไรมาแถลงแล้ว ยังจับตาดูนายกฯหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ว่าจะ
แสดงสติปัญญาวิสัยทัศน์และวุฒิภาวะความเป็นผู้นำให้เห็นมากน้อยแค่ไหน หรือยังจะอ่านโพย
ตามบทที่เตรียมไว้ และเมื่อถูกซักถามก็จะเอาตัวรอดด้วยการโยนลูกให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ตอบแทนเหมือนที่เคยปฏิบัติมา หรือไม่ก็เอาตัวรอดด้วยการชี้แจงแบบไม่ตรงประเด็นถาม
ม้าแต่ตอบช้างหาสาระอะไรไม่ได้

2 ปีของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ต้องบอกว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงโดยในทางการเมือง

รัฐบาลหุ่นเชิดตั้งหน้าตั้งตาแต่จะทำทุกอย่างตามคำบงการและเพื่อ นักโทษชายแม้ว โดย
เฉพาะความพยายามผลักดันกฏหมายที่อ้างการสร้างความปรองดองบังหน้าแต่อำพรางเป้า
หมายแอบแฝงที่แท้จริงมุ่งฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ นักโทษชายแม้ว อันเป็นการ
ทำลายหลักนิติรัฐและเป็นชนวนที่จะนำไปสู่วิกฤติความแตกแยกในชาติอย่างรุนแรงรอบใหม่

ทางด้านเศรษฐกิจ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศถดถอยในทุกด้านทั้งจากความ
ไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร รวมทั้งจากการผลาญเงินแผ่นดินอย่างมือเติบไปกับสารพัด
โครงการประชานิยมที่มุ่งสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองอย่างไร้ความรับผิดชอบโดยไม่คำนึง
ถึงความวิบัติล่มจมของประเทศที่จะตามมา

นอกจากนี้รัฐบาลหุ่นเชิดยังตั้งหน้าตั้งตากู้เงินก่อหนี้ให้ประเทศมากที่สุดในประวัติ
ศาสตร์ชาติไทยโดยเฉพาะโครงการโคตรกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ลูกหลานต้องแบภภาระใช้หนี้เงิน
ต้นและดอกเบี้ยรวม 5 ล้านล้านบาทนานกว่า 50 ปีกว่าจะใช้หนี้หมด

หรือโครงการเงินกู้เพื่อป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลออกเป็นพระราช
กำหนดกู้เงินอ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อป้องกันน้ำท่วมหลังเกิดมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 แต่
จนบัดนี้เวลาล่วงเลยมานานนับปี แต่โครงการกลับไม่คืบหน้าไปถึงไหน ขณะที่ปัจจุบันยังคง
เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศซ้ำซาก

นอกจากถลุงงบแผ่นดินและก่อให้ให้ประเทศจนเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความวิบัติล่มจมแล้ว
ที่เลวร้ายที่สุดก็คือการก่อหนี้และออกแบบหลายอภิมหาโครงการส่อเจตนาโกงกินกันมโหฬาร

อย่างน่าเกลียดทั้งโครงการรับจำนำข้าว งบน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และที่สำคัญคือมหกรรม
โคตรกู้ 2 ล้านล้านบาท

ที่สำคัญนโยบายจำนวนมากที่รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้เคยหาเสียงให้คำมั่นสัญญาไว้กับ
ประชาชนช่วงเลือกตั้งทั่วไป 2 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำประกาศว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะ
กระชากค่าครองชีพให้ลดลง เพิ่มรายได้ลดรายจ่ายทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีทั่วหน้า แต่ความ
เป็นจริงในขณะนี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเพราะประชาชนเดือดร้อนหนักจากค่าครองชีพที่ถีบ
ตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพราะฉะนั้นคงต้องจับตาดูการแถลงผลงานประจำปีของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์
ที่จะมีขึ้นจึงไม่ต่างอะไรกับความพยายามสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อโกหกหลอกคนทั้ง
ประเทศหวังกลบเกลื่อนความล้มเหลวและส่อโกงบ้านกินเมืองของตัวเอง

ทีมข่าวการเมือง

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=885967

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:27:23 AM »
ชวนนท์ แจง 16 นโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ล้มเหลว 100%
  ชวนนท์ชำแหละนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครบ 1 ปี ชี้ 16 นโยบายล้มเหลวเกือบ 100% ทั้งเรื่องไม่สมานฉันท์ ค่าครองชีพ น้ำมันแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไฟใต้ลุกโชน  เทพไท จี้สารภาพบาปว่าสิ่งไหนทำไม่ได้ให้บอกประชาชนด้วย


          วานนี้ (5 สิงหาคม) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ครบรอบ 1 ปี ว่าพบ 16 นโยบายที่มีการล้มเหลว ประกอบด้วย


          1. รัฐบาลประกาศสร้างความสมานฉันท์ในชาติ ซึ่งสอบตก เพราะ 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีความปรองดองสมานฉันท์ แต่กลับเพิ่มและสร้างความขัดแย้ง


          2. จะกำหนดให้นโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ แต่จำนวนการจัดการยาเสพติดและการจับกุมที่ได้เฉลี่ยทั้งปีของรัฐบาล น้อยกว่าปีสุดท้ายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีตัวเลขที่ดีกว่า


          3. จะป้องกันและปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น สอบไม่ผ่าน ตรงกันข้ามกลับเปิดโอกาสให้มีการทุจริตคอรัปชั่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก ครม.ไม่รับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องการเปิดราคากลางการประมูลงานของรัฐบาล รวมทั้งกู้ 3.5 แสนล้านเพื่อป้องกันน้ำท่วม ก็เสนอให้ยกเลิกการจัดซื้อของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดโอกาสให้การประมูลวิธีพิเศษ เปิดให้ฮั้วประมูลง่าย


          4. แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้อนี้ตกโดยไม่ต้องพูดถึง เพราะความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม   


          5. เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านฯ มีการยกสิทธิการจัดประชุมคณะกรรมการมรดกโลกให้กัมพูชาในปี 2556 เพียงผู้เดียว ทำให้มีสิทธิสูงที่จะได้รับการยอมรับในแผนบริหารจัดการโดยรอบปราสาทพระวิหาร กัมพูชาพอใจรัฐบาลชุดนี้ เพราะยกประโยชน์ยกแผ่นดินให้กัมพูชา


          6. ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์โกหกประชาชน โดยอ้างจะยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่ไม่เคยยกเลิก ขณะนี้เก็บเงินมากกว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว


          7. การยกระดับการใช้ชีวิตของประชาชน เพิ่มรายได้รายวัน 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ขณะนี้ค่าแรง 300 บาท ได้เพียง 7 จังหวัด และ 15,000 บาทไม่ได้ปฏิบัติจริงในภาคเอกชน


          8. ปรับลดภาษีนิติบุคคลให้เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และลดลงร้อยละ 20 ในปี 2556 นโยบายนี้ทำสำเร็จ แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่เสียภาษีรายได้นิติบุคคลลดลง ทำให้รัฐเสียประโยชน์และขาดรายได้


          9. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุนสินเชื่อรายย่อย โดยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดละ 100 ล้านบาท หลายจังหวัดกลับใช้เงื่อนไขนี้ในการจัดตั้งชุมชนคนเสื้อแดง ซึ่งปัญหานี้สร้างความแตกแยกให้สังคมชนบทหรือไม่


          10. การยกระดับเกษตรกรให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดัชนีราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง รัฐบาลสอบตกทุกตัว เพราะราคาตกลง


          11. ส่งเสริมให้มีการจัดการน้ำอย่างบูรณาการด้วยการสร้างระบบชลประทาน ข้อนี้ตอบได้ด้วยการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะรอผู้รับเหมา หรือหาช่องทางทุจริตหรืออะไรกันแน่


          12. เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2555 เป็นมหัศจรรย์ไทยแลนด์ มิราเคิล ไทยแลนด์เยียร์ เป็นเพียงคำพูดสวยหรู


          13. สนับสนุนงานศิลปหัตถกรรม ส่งเสริมมูลนิธิศิลปาชีพ บริหารโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้า ชี้ล้มเหลวเกือบ 100%


          14. พัฒนาระบบประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค มีรายงานจากนักวิชาการว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้งบประมาณไม่เพียงพอ และทำลายระบบการรักษาของประเทศในเรื่องคุณภาพ รวมถึงการจ่ายยาที่ไม่ได้มาตรฐาน


          15. จัดหาแท็บเล็ต ที่อ้างว่าจะทำให้เสร็จในปีการศึกษาที่ 1 ปี 2554 ในปี 2555 นี้ ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถแจกจ่ายให้นักเรียนได้จริงหรือไม่ เพราะมีปัญหาการทุจริต เครื่องไม่ได้มาตรฐานและอีกมากมาย


          16. เร่งรัดผลักดันปฏิรูปการเมืองโดยประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลต้องเปลี่ยนเป็นประชาชนคนเสื้อแดงเท่านั้น เพราะรัฐบาลเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม และปฏิเสธข้อเสนอของ คอป.และสถาบันพระปกเกล้า ในการจัดตั้งเวทีสานเสวนา แต่เลือกที่ทำกันในวงแคบของรัฐบาลเท่านั้น


          ทั้งนี้ นายชวนนท์ สรุปว่า จาก 16 ข้อที่กล่าวมา รัฐบาลสอบผ่านเพียงข้อเดียว คือ ข้อ 8 ซึ่งมีผลสำเร็จเพียง 6.25% แต่มีนโยบายล้มเหลวถึง 93.75% ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงผลงานครบ 1 ปีของรัฐบาล ปลายเดือนสิงหาคม ว่าเป็นสิทธิ์และหน้าที่รัฐบาล แต่อยากแนะนำหากไม่มีผลงานมากมายพอที่จะรวมเล่ม ก็ควรจะมีภาคผนวกแถลงผลงานที่ล้มเหลวไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จได้ และควรจะยอมรับความจริงและสารภาพบาปต่อประชาชนด้วยการแยกผลงานออกเป็นผลงานโบว์แดง กับโบว์ดำ เพื่อให้ประชาชนแยกแยะและเปรียบเทียบได้ชัดเจน
http://hilight.kapook.com/view/74647

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:28:58 AM »
ผลงาน1ปีรัฐบาลปูล้มเหลว
 

รัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณส่วนหน้าภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้บริหารประเทศมาจะครบ 1 ปีแล้วซึ่งจากผลสำรวจของสำนักวิจัยหรือโพลล์สำนักต่างๆครั้งล่าสุดสะท้อนอย่างสอดคล้องกันว่า คะแนนนิยมในตัวผู้นำประเทศตกต่ำลงเรื่อยๆ แตกต่างจากช่วงแรกที่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักยังสะท้อนปฏิกิริยาของประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่พอใจในผลงานของรัฐบาลในหลายเรื่องโดยเฉพาะความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองสร้างความปรองดองในชาติและวิกฤติค่า
ครองชีพที่สูงขึ้น

ทั้งที่ช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้วและก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยประกาศให้สัญญาประชาคมต่อสาธารณะด้วยการชูนโยบายสำคัญไว้อย่างชัดเจนว่า จะสร้างความปรองดองในชาติโดยจะไม่ออกกฎหมายเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษหนีโทษจำคุกในคดีทุจริต และจะกระชากค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของประชาชน

แต่พฤติกรรมที่เป็นจริงของรัฐบาลพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ โดยทักษิณและเพื่อทักษิณตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาโดยพยายามทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ที่อ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า แต่อำพรางเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงมุ่งลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน

นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ท้ายปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นขบวนการเดียวกันภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามอย่างเหิมเกริมย่ามใจดุจอันธพาลครองเมือง และขณะที่รัฐบาลเคยประกาศนโยบายจะแก้ไขไม่แก้แค้น แต่กลับอาศัยกลไกอำนาจรัฐมุ่งล้างแค้นทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในทุกวิถีทาง ซึ่งพฤติกรรมของรัฐบาลดังกล่าวตรงกันข้ามกับนโยบายที่ให้สัญญาประชาคมไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะไม่สร้างความปรองดองแล้ว ยังสุมไฟจุดชนวนวิกฤติความแตกแยกในชาติให้ลุกโชนเสี่ยงที่จะนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงรอบใหม่

ขณะเดียวกันนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะกระชากค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของประชาชนก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจากวิกฤติค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ที่สำคัญก็คือการใช้จ่ายอย่างมือเติบกู้เงินก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจำนวนหลายแสนล้านบาทในลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปกับสารพัดโครงการประชานิยมโดยไม่สนใจต่อความหายนะล่มจมทางการคลังของประเทศในอนาคต

ขณะที่เริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆของรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากประเมินผลงาน 1 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จากสภาพความเป็นจริงต้องถือว่ายังสอบไม่ผ่านโดยเฉพาะการสร้างความปรองดองในชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นมีเสถียรภาพ

http://www.naewna.com/politic/columnist/2485

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:29:39 AM »
ผลงาน2ปีรัฐบาลยิ่งเละ หุ่นเชิดเพื่อแม้วพาชาติล่มจม
รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของนายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศมาครบ 2 ปีเต็มแล้ว ซี่งผลงาน 2 ปีของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าล้มเหลวไม่เป็นท่ามีแต่การสร้างภาพ และที่เลวร้ายก็คือมุ่งทำทุกอย่างเพื่อนักโทษชายแม้วจนเป็นชนวนสุมไฟวิกฤติความแตกแยกในชาติให้ลุกโชน  ขณะเดียวกันก็มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร ก่อหนี้ให้ประเทศมูลค่ามหาศาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยและผลาญเงินแผ่นดินอย่างมือเติบทำให้ชาติบ้านเมืองกำลังเดินไปสู่ความล่มจม

ความล้มเหลวของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์เริ่มตั้งแต่เมื่อเข้าบริหารประเทศได้ไม่นาน จากความไร้วิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถทำให้บริหารจัดการน้ำผิดพลาดจนเกิดมหาอุทกภัยที่สร้างความหายนะแก่ประเทศครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

สำหรับความล้มเหลวของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ที่เลวร้ายที่สุดและนำมาซึ่งความล้มเหลวก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจของชาติจนใกล้จะล่มจมก็คือ พฤติกรรมส่อทุจิตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมืองอย่างมโหฬาร ขณะเดียวกันก็ผลาญงบประมาณแผ่นดินอย่างมือเติบและก่อหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยจนมีแนวโน้มที่จะนำพาประเทศไปสู่ความหายนะโดยเฉพาะจากโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศซึ่งนอกจากส่อเจตนาทุจริตอย่างมโหฬารแล้วยังก่อหนี้ให้ประเทศทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องชดใช้หนี้อีกนานถึงกว่า 50 ปีกว่าจะใช้หนี้หมด หรือโครงการเงินกู้เพื่อบริหารจัดการน้ำ  3.5 แสนล้านบาท

ขณะที่โครงการประชานิยมโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวถลุงงบประมาณของแผ่นดินไปแล้วเกือบ 7 แสนล้านบาทและขาดทุนแล้วเกือบ 3 แสนล้านบาทและที่สำคัญมีการโกงกินมโหฬารโดยโยงใยกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล ขณะเดียวกันก็สร้างภาระหนี้สาธารณะให้กับประเทศเป็นมูลค่ามหาศาลเป็นดินพอกหางหมูมากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่รวมข้าวปริมาณมหาศาลราว 20 ล้านตันที่ล้นประเทศเพราะขายไม่ออกเนื่องจากรับจำนำในราคาสูงกว่าราคาตลาดถึงเกือบเท่าตัวทำให้ข้าวปริมาณมหาศาลรอเสื่อมคุณภาพซึ่งแน่นอนว่ายอดขาดทุนจากเพิ่มขึ้นอีกเป็นมูลค่ามหาศาลทำให้มีความเสี่ยงที่จะนำพาประเทศไปสู่ความล่มจม

สำหรับความล้มเหลวของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศในทุกด้านเข้าสู่ภาวะถดถอย การส่งออกตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ประชาชนต้องเผชิญกับยุคข้าวยากหมากแพงค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์เคยหาเสียงไว้ช่วงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะคำประกาศที่ว่าจะกระชากค่าครองชีพของประชาชนให้ลดลง เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย แต่สภาพความเป็นจริงในขณะนี้ก็คือรัฐขึ้นค่าไฟฟ้า ขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม ขึ้นค่าทางด่วน ขึ้นราคาน้ำมัน และราคาสินค้าอุปโภคพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนประชาชนชักหน้าไม่ถึงหลังเดือดร้อนถ้วนหน้า

ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็เคยหาเสียงว่าทำให้ราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้น  โดยเฉพาะยางพาราจะมีราคาไม่ต่ำกว่า ก.ก.ละ 120 บาท แต่ปัจจุบันราคายางพารากลับมีราคาเพียงก.ก.ไม่ถึง 80 บาทและยังสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐานของรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้เพราะขณะที่รัฐบาลทุ่มงบแ ผ่นดินมหาศาลไปแล้วเกือบ 7 แสนล้านบาทโดยขาดทุนแล้วหลายแสนล้านบาทกับโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับไม่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางโดยเล่นเกมการเมืองกลั่นแกล้งเกษตรกรสวนยางภาคใต้ซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงหลักของฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ราคาสินค้าการเกษตรต่างๆกลับตกต่ำเป็นประวัติการณ์

จากการที่ล้มเหลวไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่หาเสียงไว้กับประชาชนทำให้มีพลังมวลชนหลายกลุ่มเริ่มออกมาประท้วงรัฐบาลมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งนอกจากชาวสวนยางยังรวมถึงประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มของรัฐบาลซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ก.ย.นี้ก็ออกมาชุมนุมคัดค้านรัฐบาลเช่นกัน

ส่วนความล้มเหลวทางด้านการเมืองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงทำตัวเป็นหุ่นเชิดที่บงการชักใยโดย นักโทษชายแม้ว และมุ่งทำทุกอย่างที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อผลประโยชน์และฟอกโทษความผิดให้กับ นักโทษชายแม้ว เพื่อที่จะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาลอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐอย่างยับเยิน

และนับวันรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์จะลุแก่อำนาจอาศัยรัฐตำรวจและกองกำลังเสื้อแดงตลอดจนหน่วยงานรัฐบางหน่วยโดยเพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เป็นเครื่องมือปราบปราม ข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และใช้อำนาจตามใจชอบ ขณะเดียวกันก็อาศัยพวกมากลากไปใช้ความเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยผลักดันกฏหมายหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่จะนำพาประเทศไปสู่ความปรองดองอย่างที่สร้างภาพ  แต่กลับจุดชนวนสร้างความแตกแยกด้วยการทำตัวเป็นหุ่นเชิดที่ชักใยบงการโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษหนีคุกตามคำพิพากษาของศาลโดยมุ่งที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันกฏหมายฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงการทำลายหลักนิติรัฐ รวมทั้งพยายามรวบรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญปูทางให้ระบอบทักษิณผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ความพยายามที่จะผลักดันกฏหมายที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดให้กับ  พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากพลังประชาชนกลุ่มต่างๆที่รวมตัวกันกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณที่ปักหลักชุมนุมอยู่ที่สวนลุมพินีและเตรียมยกระดับการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศกร้าวพร้อมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งในและนอกสภาอย่างถึงที่สุด โดยล่าสุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า จะไม่รอให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 3 ซึ่งหากประชาชนพร้อมเมื่อไหร่ตัวเองะจะเป่านกหวีดออกมานำมวลชนทำศึกแตกหักทันที

จากความล้มเหลวตลอด 2 ปีที่บริหารประเทศทำให้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์หนีการถูกตรวจสอบถึงกับไม่ยอมแถลงผลงานประจำปีอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเพราะกลัวถูกฝ่ายค้านเปิดโปงความล้มเหลวกลางสภา  เพราะฉะนั้นยิ่งรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งบริหารประเทศก็มีแต่จะยิ่งเห็นสัญญาณอันตรายนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความหายนะล่มจมทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

http://www.naewna.com/columnonline/8474

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:33:40 AM »
วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึง 6 ผลงานที่ล้มเหลวในรอบ 1 ปีของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า 1.การกระชากค่าครองชีพให้กับประชาชน แต่ราคาแก๊สหุงต้ม ขยับตัวกิโลกรัมละ 6.69 บาท ทำให้แก็สขนาด 15กกิโลกรัมในปี 56 ขึ้นราคาถังละ 100 บาท จากถังละ 300 บาท เป็น 400 บาท

ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ เบนซิน 91 เพิ่มขึ้นลิตรละ 8.78 บาท เบนซินโซฮอลล์ 91 เพิ่มขึ้นลิตรละ 3.44 บาท เบนซินโซฮอลล์ 95 เพิ่มขึ้นลิตรละ 4.14 บาท และดีเซล เพิ่มขึ้นลิตรละ 0.90 บาท เป็นต้น แต่กองทุนน้ำมันกลับติดลบ โดยในปี 54 ติดลบ 12,111 ล้านบาท และในปี 55 ติดลบ 17,805 ล้านบาท ขณะที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น ตนคิดว่า นี่ถือเป็นการบริหารงานที่ผิดหลักการ เพราะตามปกติถ้าน้ำมันมีราคาสูงขึ้น เราจะไม่ติดลบเช่นนี้

2.ลดรายได้เกษตรกร ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำลงทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา มะพร้าว หอมแดง กระเทียม ปาล์ม  เป็นต้น  3.คนไทยหนี้ท่วมหัว เนื่องจากดุลการค้าระหว่างประเทศ ปี 54 ติดลบ 2 แสนล้าน แต่ในปี 55 รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับทำให้ดุลการค้าติดลบ 1 ล้านล้านบาท

นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า 4.หนี้สาธารณะจากโครงการกู้ไม่เลือกของรัฐบาล จากปี 54 มีหนี้สาธารณะ 4.2 ล้านล้านบาท ปี 55 มีหนี้สาธารณะ 4.9 ล้านล้านบาท และในปี 44 มีหนี้ครัวเรือน 159,432 บาท และในปี 55 มีหนี้ครัวเรือน 168,517 บาท

5.โกงทั้งแผ่นดิน ทั้งโครงการจำนำข้าว ที่เปิดช่องให้โกงทุกขั้นตอน นอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่ลงโทษนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์  แล้วยังไม่เอาใจใส่ป้องกันและแก้ปัญหาโครงการรับจำนำ ทำเหมือนมีพฤติกรรมส่งเสริมให้มีการทุจริต บนน้ำตาของประชาชน และงบน้ำท่วม ทั้งๆ ที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ส.ต.ง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท. ) ตรวจพบว่า มีการทุจริตงบกลางจำนวน 1.2 แสนล้านบาท มีการหักค่าหัวคิว 30 เปอร์เซ็นต์ แต่รัฐบาลกลับบอกว่า ไม่มีการทุจริต

และ6.ไม่มีภาวะผู้นำ นายกฯ ตัวจริงบงการจากต่างประเทศ ซึ่งจะพบว่า บุคคลทั้งแกนนำคนเสื้อแดง และสมาชิกพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่จะเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง จีน ดูไบ และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนแต่ไปคุยก่อนที่จะมีการปรับครม. หรือไม่ก็แต่งตั้งข้าราชการใหญ่ๆ จากกระทรวงต่างๆ..

http://www.dailynews.co.th/Content/politics/146374/%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%9B.+%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%A2+6+%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A51%E0%B8%9B


เมื่อเวลา 09.05 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไปเป็นพิเศษเพื่อพิจารณารับทราบรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่ 1 (วันที่23 ส.ค.2554 ถึงวันที่ 23 ส.ค.2555)

 

หรือ การแถลงผลงานของรัฐบาล เป็นวันที่สอง มีนายเจริญ จรรย์โกมลย์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยสส.ซีกฝ่ายลุกอภิปรายท้วงติง ส่วนสส.รัฐบาลลุกอภิปรายสนับสนุน ขณะที่ในส่วนรัฐมนตรีได้พยายามลุกชี้แจงเสริม

 

     อัดรัฐกู้แหลก5ครั้ง3.3ล้านล้าน

 

     ในส่วนของ ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคประชาธิปัตย์ นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี ได้อภิปรายว่าตลอดการบริหารราชการของรัฐบาล มีการกู้เงินไปแล้วจำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า3.3ล้านล้านบาท ถือเป็นสถิติการกู้เงินที่มากที่สุดที่เคยมีประเทศไทยมา เมื่อดูจากการใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาต่างๆเช่นน้ำท่วม น้ำแล้ง ในโครงการที่ดำเนินการล่าสุดคือตามโครงการกู้เงิน3.5 แสนล้านบาท พบว่ามีสัดส่วนลงไปในพื้นที่ภาคอีสานเพียงเล็กน้อย

     เหมือนเนื้อข้างเขียงทั้งที่คนอีสานเลือกผู้แทนจากพรรครัฐบาลมากที่สุดถึง 104 คน และมีปัญหาความเดือดร้อนมากกว่าพื้นที่อื่น เช่นพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง มีมากกว่า3.5หมื่นหมู่บ้านขณะที่ภาคเหนือและภาคกลางมีพื้นที่ประสบภัยแล้งเพียง2หมื่นหมู่บ้าน

 

     แนะปูปรับตัวขยันเข้าประชุมสภา

 

     นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแนะนำให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ปรับปรุงในประเด็นของการเข้าร่วมการประชุมสภาฯเพราะจากสถิติเดือนส.ค.2555ที่มีการประชุมสภาฯ5ครั้ง พบว่านายกฯมาร่วมลงชื่อเข้าประชุม แต่ไม่พบการลงมติในเรื่องต่างๆทั้งที่การประชุมมีการลงมติไปมากถึง55ครั้งเพื่อให้เป็นไปตามที่นายกฯย้ำจะยึดมั่นระบอบรัฐสภาและให้นำปัญหามาหารือในสภาฯ นายกฯต้องปรับปรุง ส่วนการบริหารของรัฐบาลรอบ 1ปีในเรื่องของการฟื้นฟูประชาธิปไตยพบว่ามีการทำเพียงเรื่องเดียวคือการให้เงินเยียวยาคนเสื้อแดงที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองวงเงิน7.5ล้านบาท การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรมว.กลาโหม ก็โยนรายงานของคอป.ทิ้งถังขยะแล้วมาเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯขณะนี้อยู่ชั้นกรรมาธิการและนายกฯก็ไปตั้งสภาปฏิรูปการเมือง เพื่อหาทางออกให้กับพ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ วันนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ สวมหมวก2ใบ คือเป็นนายกฯและเป็นน้องสาวที่แสนดี ขอให้ทบทวนหน้าที่ของตัวเองโดยเลือกสักทางว่าจะทำเพื่อประเทศหรือเพื่อครอบครัว

 

     อัดปรองดอง’จอมปลอมลวงโลก’

 

     นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าความปรองดองที่รัฐบาลทำอยู่นี้ถือว่าเป็นความปรองดองที่”จอมปลอม โกหก ลวงโลก”ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความสมานฉันท์ปรองดองระดับโลก เช่นนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกฯอังกฤษ เสนอว่าการสร้างความปรองดอง ต้องค้นหาความจริงของเหตุการณ์การชุมนุมแต่รัฐบาลชุดนี้กลับหันมาออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยไม่พยายามค้นหาความจริงว่ามีชายชุดดำจริงหรือไม่ ขอเรียกร้องว่ารัฐบาลไม่ควรเลือกปฎิบัติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าปรองดองเพื่อประโยชน์ตัวเอง ชาติไหนก็ไม่มีวันปรองดอง

 

     โยนบาปน้ำท่วมให้รัฐบาลมาร์ค

 

     นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การทำรายงานแสดงผลงานรอบ 1 ปีของรัฐบาลมีการทำเอกสารรายงานที่ผิด โดยเฉพาะเรื่องอุทกภัยในปี 2554 ที่ระบุว่าเป็นเพราะการบริหารจัดการในอดีตไม่มีประสิทธิภาพ เท่ากับเป็นการโยนความผิดและแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบ

 

     จัด10อันดับผลงาน’ปู’ล้มเหลว

 

     นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายถึงผลงานของรัฐบาลว่าขอจัด 10 อันดับความล้มเหลวมากที่สุดของผลงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนี้ คือ 1.การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพงเพราะแพงทั้งแผ่นดิน 2.การปรองดองสมานฉันท์ แก้ไขไม่ใช่แก้แค้น3.คุณภาพการศึกษาตกต่ำ ยุบโรงเรียน เด็กอ่านหนังสือไม่ออก 4.การปฏิรูปทางการเมือง การออกกฎมายนิรโทษกรรมและแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5.การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ 6.การทุจริตโครงการจำนำข้าว 7.การแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ 8.การคืนภาษีบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก 9. การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี15,000 บาท และ10.การสร้างหนี้ 1 ล้านล้านบาท และจะกู้เพิ่มอีก2ล้านล้านบาท

 

     ตอกประชานิยมทำศึกษาพัง

 

     “สองปีที่ผ่านมาเรื่องคุณภาพการศึกษาล้มเหลวอย่างมาก เกิดปัญหาต่างๆมากมายทั้งนักเรียนประท้วงอดอาหาร ยุบโรงเรียน เปลี่ยนทรงผม ปิดโรงเรียนให้ครูอบรมวัดธรรมกาย เด็กอ่านหนังสือไม่ออก 8 แสนราย เรื่องแท็บเล็ตวันนี้ พบความจริงเป็น นโยบายประชานิยม ไม่สนองตอบคุณภาพการศึกษา” นายชินวรณ์ ย้ำ

 

     ทวงความชัดเจนแก้ปัญหาไฟใต้

 

     นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่ามีผลมาจากสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีการใช้กำปั้นเหล็ก ไปแก้ปัญหาเมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาดูแลกลับไม่ใส่ใจ ไม่รับผิดชอบ และยังมีการมอบหมายบุคคลคลที่รับผิดชอบอย่างสับสนและขาดความเป็นเอกภาพในการบริหารงานอีกทั้งรัฐบาลพยายามตั้งหน่วยงานขึ้นมาแก้ปัญหาทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพ จนเกิดปัญหาขึ้น แม้จะมีเจรจาสันติภาพ ก็เป็นแค่การพูดคุยสันติภาพกับโจร ส่วนข้อเสนอให้มีการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษนั้น ขอถามว่าเป็นคำตอบในใจคนที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ จึงขอให้รัฐบาล และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอหก รองนายกรัฐมนตรี ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้

 

     แนะให้กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่

 

     ด้านนายชำนิ ศักดเศรษฐ์ ส.ส.บัฐชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาด้านยุทธศาสตร์ที่มีปัญหาภายใต้ยุทศาสตร์โดยในเรื่องเฉพาะการเจรจาสันติภาพก็มีการตั้งคำถามว่าเป็นการเจรจาเพื่อการหยุดยิง หรือหยุดยิงเพื่อการเจรจา เรื่องนี้เป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด เพราะไปเจรจรากับผู้ที่มีใช่คู่สงคราม จึงไม่สารถแก้ปัญหาได้และไม่เป็นเงื่อนไขของสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาทั้งหมด จะทำให้เป็นสิ่งตกค้าทางประวัติศาสตร์ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางยุทศาสตร์ ดังนั้น รัฐบาลต้องกำหนดยุทศาสตร์ใหม่

 

     โอ่จำนำข้าวชาวนาได้ ปย.จนลดลง

 

     ในซีกรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. พาณิชย์ ชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าว ยืนยันว่าเป็นการทำโครงการที่มีประสิทธิภาพและชาวนาได้รับประโยชน์โดยรัฐบาลสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชาวนาได้มากถึง ปีละ1.43 ล้านบาทต่อหัว หรือเฉลี่ยต่อตนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น6.6 หมื่นบาท เมื่อดูจำนวนคนจนในประเทศปีล่าสุดพบว่า มีอัตราคนจนลดน้อยลงและช่วยกระตุ้นจีดีพีของประเทศได้จำนวนร้อยละ1 โครงการจำนำข้าว ถือเป็นโครงการทางเลือกและไม่ได้เป็นการทำลายกลไกในตลาดแต่อย่างใด รัฐบาลยืนยันจะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป สำหรับปริมาณการรับจำนำข้าว ตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาบริหารรวม2ฤดูกาลจะมีปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำ 44ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสาร27.4ล้านตัน และใช้เงินในโครงการเฉลี่ยปีละ3.4แสนล้านบาท ขณะที่การระบายข้าวสารได้ดำเนินการไปแล้ว11.7ล้านตันผ่านการทำสัญญารัฐต่อรัฐ,การขายในตลาดล่วงหน้า ยังเหลืออีก10.8 ล้านตันโดยส่วนนี้มีภาระผูกผันอยู่ 5ล้านตัน อีก1-2 สัปดาห์จะมีการลงนามขายข้าวให้กับ จำนวน1.2ล้านตันกับรัฐวิสาหกิจชื่อเป่ยต้าฮวง มณฑลเฮยหลงเจียง

 

     ปิดฉากถกผลงาน1ปีรัฐบาลปู

 

     ขณะที่การอภิปรายของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอาทินายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ อภิปรายโดยชื่นชมการมีวิสัยทัศน์การบริหารประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มิวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศไทยแม้ภาวะประเทศรอบ 1 ปีแรกของรัฐบาลมีปัญหาหลายอย่าง เช่น อุทกภัย และวิกฤตเศรษฐกิจที่มีความผันผวน หลังจากอภิปรายใช้เวลาพอสมควร จึงได้ยุติการอภิปรายรับทราบรายงานดังกล่าว

http://www.paisalvision.com/news/104-outstanding-news/10409-3.html

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:39:37 AM »
รัฐบาล “อภิสิทธิ์” ครบ 1 ปี มีทั้ง“สอบตก” และ “สอบผ่าน” 

                คงไม่สามารถปฏิเสธได้นะครับว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ผลงานรูปธรรมของรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ที่ชัดเจนที่สุด คือ นโยบายประชานิยม ส่วนอีกด้านหนึ่งคือความสำเร็จในการสร้างหนี้สาธารณะ นอกเหนือไปจากนี้ความสำเร็จตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอันที่พอจะพูดได้เต็มปากเต็มคำ โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ นอกจากจะสมานฉันท์ไม่สำเร็จแล้วยังสร้างความแตกแยกหนักหนาสาหัสไปยิ่งกว่าเดิม รวมไปถึงนโยบายแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ได้แถลงการณ์เอาไว้

                ลองมาพิจารณากันทีละประเด็นหลัก ๆ ครับ ในทางเศรษฐกิจนั้นถึงแม้ว่าในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศได้แสดงอาการฟื้นตัวขึ้นช้า ๆ การส่งออกที่ติดลบก็เริ่มกลับมาเป็นบวก ปัญหาคนว่างงานจากวิกฤติเศรษฐกิจเริ่มมีสถิติที่ลดลง แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ต้องมาชะลอตัวเนื่องมาจากกรณี "มาบตาพุดเอฟเฟกต์" ส่งผลให้เกิดการระงับการลงทุนขนาดใหญ่ถึง 65 โครงการ ดังจะเห็นได้จากการที่ คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ระบุว่าหากการแก้ไขปัญหามาบตาพุดล่าช้า จะส่งผลให้บรรดานักธุรกิจสัญชาติต่าง ๆ ย้ายฐานการลงทุนไปที่อื่นจนอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายถึงกว่า 6 แสนล้านบาท และมีการคาดการณ์กันว่าอาจจะส่งผลกระทบถึงการจ้างงานกว่า 1 แสนอัตรา ส่วนนโยบายการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างประเทศตามแผนไทยเข้มแข็ง 1.3 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลยังประเมินผลออกมาไม่ได้ชัดเจน

                พอพิจารณาถึงนโยบายการแก้ปัญหาทุจริตของรัฐบาลกลับแสดงผลออกมาทางตรงกันข้าม มี "ข่าวคาว" เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่องแทบทุกโครงการ ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ แกล้งมองไม่เห็น กล่าวกันว่า 1 ปีของรัฐบาล การทุจริตคอร์รัปชั่นเฟื่องฟู องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติให้ไทยได้คะแนน 3.4 จากคะแนนเต็ม 10 อยู่อันดับที่ 84 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก

                ในด้านผู้ใช้แรงงานให้คะแนนรัฐบาล "สอบตก" อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" หว่านโปรยเงินภาษีในลักษณะ ลด, แลก, แจก, แถมกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำฟรี, ไฟฟรี, รถเมล์ฟรี, รถไฟฟรี รวมไปถึงเช็คช่วยชาติ ฯลฯ แต่กลับไม่สามารถซื้อใจคนแรงงานและรากหญ้า (ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกจัดเป็นพลพรรค "เสื้อแดง") ได้ นอกจากนั้นยังมีสัญญาณสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่ามีช่องว่างระหว่างรัฐบาลกับผู้ใช้แรงงาน และประชาชนระดับรากหญ้า แสดงว่ารัฐบาลยังเข้าไม่ถึงประชาชนระดับล่าง แม้จะทุ่มเงินเป็นแสนล้านเอาใจก็ตาม ในขณะที่ภาคเอกชนระดับบน ก็ไม่ได้พอใจผลงานของรัฐบาลสักเท่าไรนัก

                พอพิจารณาในด้านการก่อหนี้สาธารณะของภาครัฐก็มีอาการน่าเป็นห่วง ปัญหาการสร้างรายได้ยังเป็นปัญหาใหญ่ หนี้สาธารณะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ตลอดระยะเวลา 1 ปี รัฐบาลสร้างหนี้ไปแล้ว 530,597 ล้านบาท ทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะสูงเกินกว่าร้อยละ 60 เงินกู้จาก พ.ร.ก. 4 แสนล้านบาท ถูกนำไปปิดหีบงบประมาณเพียง 5 หมื่นล้านบาท จึงมีเงินเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.5 แสนล้านบาท แต่มีเงินไปใช้ลงทุนจริง ๆ แค่ 6,892.96 ล้านบาท เท่ากับรัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปแค่ 5% แต่เงินที่กู้มาส่วนใหญ่นำไปเป็นงบก่อสร้างซ่อมถนน ทำให้เม็ดเงินไม่ลงไปถึงประชาชนและภาคการผลิตอันก่อให้เกิดรายได้อย่างแท้จริง และที่น่าเป็นห่วงอีกอย่าง คือ เรื่องเงินคงคลังแม้จะมีตัวเลขถึง 274,600 ล้านบาท แต่อยู่ในรูปตั๋วเงินกู้ถึง 245,100 ล้านบาท มีเงินสดเพียง 29,500 ล้านบาทเท่านั้น (ในขณะที่งบรายจ่ายเงินเดือนประจำเดือนละกว่า 7 หมื่นล้านบาท)

                จะเห็นได้ว่าพอวิเคราะห์เจาะลึกแบบเป็นกลาง ๆ อย่างตรงไปตรงมาก็จะสรุปว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล "อภิสิทธิ์" ก็ยังคงย่ำอยู่กับที่ไม่เดินไปไหนเลย ถ้าดูข้อมูลจากไอเอ็มเอฟและเอดีบี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค เปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วตัวเลขการขยายตัวจีดีพีของไทยติดลบมากที่สุด ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ "ซัพไพร์ม" ของสหรัฐอเมริกาน้อยที่สุด สรุปว่าในภาพรวมผลงานรัฐบาล 1 ปีแรก ถือว่า "สอบตก" ต่ำกว่าความคาดหวังของประชาชน

                ดังนั้น หากประเมินกันจริง ๆ จะเห็นว่าความสำเร็จสูงสุด ของรัฐบาลนี้ที่ "สอบผ่าน" คือการที่นายกฯ "อภิสิทธิ์" อยู่ได้นานเกินกว่า 365 วัน ลบคำสบประมาทที่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน 6 เดือนครับ
 
http://www.homeloverthai.com/index.php?option=com_content&task=view&id=1332&Itemid=104

ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 11:44:11 AM »
นายปกครอง
        เมื่อไม่นานมานี้ “โครงการรถคันแรก” ครึกครื้นกันมากมายเหลือเกิน ที่ประชาชนจำนวนมากไปหลงมนต์เสน่ห์ของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่โปรยยาหอมให้กับประชาชนได้หลงใหล เพราะคิดว่าเป็นเรื่องดี ที่สนับสนุนให้ประชาชนมีรถใช้เหมือนเศรษฐี

        มาถึงเวลานี้ ประชาชนที่ติดเหยื่อโครงการ “ยิ่งลักษณ์” จำนวนมาก คงจะรู้แล้วว่า โครงการรถคันแรกล้มเหลว ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ตั้งแต่ “ผู้ซื้อ”ยัน “ผู้ขาย”หรือค่ายรถต่างๆ ได้รับผลกระทบกันเป็นจำนวนมาก

        มาชำแหละกันดูว่า “ผู้ซื้อ”ได้รับผลกระทบอย่างไรกันบ้าง

        “ครอบครัวล่มสลาย” การซื้อรถของประชาชนแต่ละคันนั้น ส่วนมากจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา เป็นหนี้ไฟแนนซ์ แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 100,000 บาทก็ตาม

        หลายครอบครัวที่ใช้สิทธิโครงการนี้ เป็นหนี้ เป็นสินอื่นๆ อยู่บ้างแล้ว เช่น กู้มาซื้อบ้าน ผ่อนหนี้นอกระบบ ผ่อนค่าเทอมลูก สารพัดผ่อน ทำให้ครอบครัวสาหัสกันอยู่แล้ว เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ทำให้หนี้สินเพิ่มมากขึ้น

        “หลายครอบครัวถึงกับล่มสายเลยก็มี”

        หลายคนที่เป็นหนี้สินจำนวนมาก หาทางออกด้วยการก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ บางคนหนักไปกว่านั้น กล้ากระทำความผิดด้วยการค้ายาเสพติด เพื่อหาเงินมาใช้หนี้

        รัฐบาลไม่เคยได้สำรวจเรื่องราวทำนองนี้เลย

        “ผู้ขาย” เพิ่งจะได้รับการเปิดเผยจาก นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้การตรวจสอบเมื่อ 18 พ.ย.56 มีผู้จองไม่มารับรถ 1.32 แสนคัน ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรือดีลเลอร์บอกว่า จำนวนดังกล่าวมีลูกค้าได้คืนใบจองเกือบทั้งหมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ช่วง 1-2 เดือนมียอดค้างอยู่ในระดับ 1.4-1.5 แสนคันถือว่าประชาชนส่วนหนึ่งก็ได้มารับรถไปราว 2 หมื่นคัน

        ต่อนี้ไปต้องมาดูกันว่า ทางออกของค่ายรถนั้น จะต้องพยายามระบายรถล็อตนี้ออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้ทุนหายกำไรหด

        ทางออกที่ดีนั้น แต่ละค่ายต้องลดแลกแจกแถมกัน พร้อมกับงานมหกรรมยานยนต์ แข่งกันจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดที่ให้สิทธิ์ประโยชน์มากกว่ารถคันแรกและคาดว่าสิทธิ์ประโยชน์ดังกล่าวค่ายรถจะยังคงใช้ต่อเนื่องถึงต้นปีต่อไปอีก

        ผลกระทบอีกด้านหนึ่งของ “ผู้ขาย” คือยอดการผลิตรถยนต์นั้น ต้องลดลงตามมาด้วยตัวเลขการผลิตรถยนต์ในเดือนพ.ย.มีทั้งสิ้น 182,818 คันต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การผลิต 11 เดือนที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 2,298,193 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.95% โดยคงจะต้องลุ้นตัวเลขการผลิตในเดือนธ.ค.ที่จะต้องได้ในระดับ 2 แสนคันจึงจะอยู่ที่ระดับ 2.5 ล้านคัน แต่เป้าหมายที่ระดับ 2.55 ล้านคันคงไม่ถึงแน่นอน

        ผลกระทบต่อมา ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไปว่า ทำอย่างไร ค่ายรถแต่ละค่ายนั้น จะไม่ต้องปลดคนงานออกจากฐานการผลิต เพราะที่ผ่านมา ค่ายรถแต่ละค่ายที่เร่งการผลิตนั้น จะต้องรับคนงานเพิ่มเป็นจำนวนมาก เมื่อยอดการผลิตลดลง ทำให้คนงานว่างงาน ทางออกของค่ายรถมีทางเดียวคือการปลดคนงาน

        รัฐบาลคิดเรื่องนี้เป็นแนวทางป้องกันไว้บ้างหรือยัง..?

        นี่แหละ…!!! เป็นโครงการที่ล้มเหลวของรัฐบาลอย่างใหญ่หลวง

http://chaoprayanews.com/blog/mister/2013/12/20/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E2%80%9C%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88/

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6119
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2013, 07:40:15 AM »
ขอขอบคุณ ท่านyommatood ที่ได้ นำผลงาน ฝ่ายบริหารของบ้านนี้เมืองนี้ มาเล่าให้ฟัง(อ่าน)  ส่งท้ายปี 13  ซึ่งเป็นเลย สุดซวย ของฝรั่ง  แต่ก็บ้านเราคงไม่ถือสานะครับ  เพราะ ศุกร์ 13ผ่านมา บ้านเรา ก็ยัง ร่าเริงเหมือนเดิม บายๆๆ  อะ   ได้อ่านแล้ว เป็น ปลื้มกับ ผู้สร้างผลงาน เหล่านี้  จริงๆครับ  พี่น้อง   ...ไมรู้ว่า ทำบุญ ในชาติ ที่แล้ว  ด้วยอะไรกัน...ถึงได้มีบุญวาสนา กันขนาดนี้   ...อยู่กับสังคมนี้ ให้นานๆนะครับ   เเล้วจะรู้ว่า   อนิสงค์ แห่งบุญบารมีท่านนั้น   สุดยอด   จบข่าว :D
ปล  ขอขอบคุณ ทุกผลงาน กล่าวรวมกันเลยนะครับ  อ่านซะสุดเวียนหัว อ้วกจะเเตก  ...เฮ้อ
      ขอนำภาพ ที่ท่านเห็นแล้ว..จะปลื้มกับผลงานหรือเป่าไม่ทราบ หากท่าน เจอเบื้องบน ของขึ้น รวยเท่าไรก็    ต้านไม่ไหว...ขอพระ(เจ้า)  คุ้มครองคนดีของ สังคม เทอญ   ...
Tammy Holmes and her grandchildren, two-year-old Charlotte, four-year-old Esther, nine-year-old Liam, eleven-year-old Matilda, and six-year-old Caleb, take refuge under a jetty as a wildfire rages nearby in the Tasmanian town of DunalleyPicture: Holmes Family, Tim Holmes/AP

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6119
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2013, 07:55:33 AM »
ขอนำภาพที่น่าจะเป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ครับ   ดูกันเอาเองว่า คนของประเทศนั้น เขาเก่งและมีแง่คิดมุมมองอย่างไร   ขอปรบมือให้กับคนของประเทศนั้นแท้ๆนะครับ   สุดยอด  (ส่วนท่านที่ไม่ใช่คนที่นั้นแท้ๆ ไม่ปรบมืให้นะครับ   ขออภัยด้วย  อิอิ)   จบขาว :D :D :D :D :D

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6119
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลงานของนักการเมืองเป็นยังไง ไปดูกัน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 04, 2014, 06:55:06 AM »
ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน  ...อันนี้ได้ยินมานาน เป็นเพราะคำมันมาพ้องกันหรืออย่างไรครับ  ฟังแล้วก็มีส่วนที่ถูกต้อง....จริงๆๆๆครับ   แต่ค่าของท่านนี้ อยู่ที่ผลของงานจริงครับ  ท่าน มาร์ค  ...ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ใจบุญมากที่สุดใน อเมริกา ในปีที่แล้ว(13)  ..เก่งแล้วรวย   ยั่งงี้  ขอปรบมือให้ครับบบบบ   สุดยอด สาวก FB เป็นปลื้ม นอกจากจะช่วย ให้ ท่าน มาร์ค  รวยแล้วยังได้ทำบุญไปในตัว  ว้าว...เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆๆๆๆ สำหรับชาวโลก ...มันก็กลับเข้ามาในอีหลอบ ที่ว่า คนที่เขาเจริญกว่าย่อมมีจิตใจที่ดีกว่า  จริงๆๆๆนะครับ  พวกที่รวยแล้วไม่มีจิตใจเป็นบุญนี่  ..เฮ้อ   กลุ้มแทน   ดังนั้น รวยมากๆๆขณะนี้ ให้รีบทำอะไรที่มันเป็นบุญกับคนใชาติ ไวๆเถอะครับ   บุญกุศลนั้น ตกอยู่ที่ท่านครับ  ไม่ได้ตกอยู่กับคนใช้ คนขับรถ เหมือนอะไบางอย่าง   อิอิ   จบข่าว ;D ;D ;D ;D
ปล วันเด็กแห่งชาติ มีผลงานเด็กๆๆมากมายในปีนี้  ได้ข่าวว่า มี... เครื่องบิน.. รถถัง มาให้เด็กๆ  และนักการเมือง..ชม  ... เย๊ย