ผู้เขียน หัวข้อ: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน  (อ่าน 64009 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2013, 06:19:22 PM »
คุณ ปู่ รู้เขารู้เรา..ครับ  อาจจะเป็นแนวนี้ครับ... คุณปู่หยุดแล้วแต่น้องหมวยอาจจะไม่หยุด ..เฮ้อ  น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย  ...ถ้าคุณปู่ อยู่ถึง100...ก็เหลืออีก 18 ปี   สุดยอด   จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล เฮ้อ..ฟังคุณปู่ท่านนี้แล้ว...อภิมหาโปรเจคของ อินทะเนียร์น้อย..เจ็ง  เลย   ( เข้าวัด มั่งนะปู่ ทำใจให้สงบ เพื่อร่อนลงแบบนิ่มนวล จร้าาาา)

Old Guy Sex With Young Wife

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2013, 08:48:18 PM »
อ่าน ข่าว จาก นสพ เดลินิวส์  แล้ว  กลุ้ม  มันกลับกัน จร้าาาา   จบข่าว :D :D :D :D :D

ตะลึงเด็กนิวซีแลนด์อายุ 11 ทำผู้หญิงอายุ 36 ท้อง

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2556 เวลา 10:03 น.
ชาวนิวซีแลนด์กำลังถกเถียงกันอย่างหนักในเรื่องมาตรฐานกฎหมายคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ หลังมีข่าวหญิงวัย 36 ปี ตั้งครรภ์กับเด็กชายวัยเพียง 11 ปี

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ในประเด็นร้อนแรงในสังคมนิวซีแลนด์  เมื่อมีข่าวเด็กชายชาวนิวซีแลนด์วัยเพียง 11 ปี มีเพศสัมพันธ์กับหญิงวัย 36 ปี ซึ่งเป็นมารดาของเพื่อนสนิท จนกระทั่งฝ่ายหญิงตั้งครรภ์และคลอดบุตร

รายงานของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวซีแลนด์ แฮรัลด์” ระบุเพียงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองโอกแลนด์ บนเกาะเหนือ ซึ่งเด็กชายเป็นผู้มาสารภาพกับครูใหญ่ของโรงเรียนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ ครูใหญ่ยอมรับว่า รู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินจากปากของเด็กชายว่า การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

ปัจจุบัน ทารกน้อยที่เกิดจากบุคคลทั้งสอง ซึ่งรายงานไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นชายหรือหญิง มีอายุได้ 2 เดือนแล้ว และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ ส่วนคุณพ่อรุ่นจิ๋วที่ตอนนี้มีอายุ 12 ปี ยินยอมเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของจิตแพทย์และเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่มีการกล่าวถึงฝ่ายหญิงแต่อย่างใด

ด้านนางจูดิธ คอลลินส์ รมว.กระทรวงยุติธรรมนิวซีแลนด์ ประกาศตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจากชาวนิวซีแลนด์พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางว่า ใครสมควรเป็นฝ่ายผิดกันแน่ ซึ่งภายใต้กฎหมายของรัฐบาลเวลลิงตัน ผู้ชายเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายรับโทษใน “คดีข่มขืน” ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 20ปี ทว่าหากฝ่ายหญิงเป็นผู้บังคับ หรือข่มขู่ให้ฝ่ายชายมีเพศสัมพันธ์ด้วยโดยปราศจากความเต็มใจ หญิงผู้นั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ล่วงละเมิดทางเพศ” ที่มีโทษจำคุกสูงสุด 14 ปี.

ออฟไลน์ oraora

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2013, 03:29:56 PM »
อันนี้ก็ลดโลกร้อน


ปลูกป่าชายเลนคะ

ออฟไลน์ oraora

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2013, 03:32:03 PM »
พอปลูกป่า ช่วยลดโลกร้อย...เหนื่อยก็กินค่ะ

เห็นน้องวัวน่ารักดี ถ่ายมาให้ชมค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2013, 03:34:13 PM โดย oraora »

ออฟไลน์ oraora

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2013, 03:33:44 PM »
 :D :D :D :D

น่ากินเปล่าค่ะ อาหารอร่อยที่ร้านสวัสดิการทหารที่บางปู

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: มิถุนายน 18, 2013, 08:27:08 AM »
สวัสดีครับ ท่านorawan
ขอขอบคุณ รายการอาหารที่น่ารับประทานแถวๆบางปู  ที่นั่นไม่เฉพาะ ปู  แต่มีหอยด้วย..ว้า   .สงสาร หอย จัง..อ้าไม่หุบเลย(ได้อารมณ์ รับประทาน จริง  อิอิ   )(อ้า นานๆ โลก เริ่มร้อน อีกแหละ  อิอิ)...ปลาไม่เกี่ยว  จร้าาาา  ..
..กลับมาที่ เจ้ ..ฟาดเด็ก อายุ 11นี่ ..ใจนึ่งก็นึก อิจฉา เจ้ ที่ได้ เปิด อัลลบั้ม  ให้ เด็ก..เรียกว่า เป็น ครูฝึก..(ครอบครู หรือ ยกครู ว่าไป  อิอิ)  แต่ใจนึ่ง ก็สงสาร เด็ก ที่ได้รับ การฝึก ที่ใช้ อุปกรณ์ การฝึก ที่ เก่า เเก่ ชำรุด   อิอิ(เสื่อมโทรม ด้วยเป่า  อิอิ)...   อีกแง่ของ สังคมไทย รับไม่ได้จริงๆ...เสื่อมด้าน ศิลธรรม จริยธรรม  อย่างน่าอับอาย(เจ้ น่าจะส่งข่าว มายัง ท่านเว็บมาสเตอร์ ของเราได้เลย..หายห่วง พร้อมๆๆๆ   อิอิ)..ได้ข่าวว่า..เด็กเป็น เพื่อนลูกด้วย..โอ้แม่จ้าว..อะไรมันจะเสื่อมขนาดนั้น  .มึนงงกับสังคมที่เจ้อยู่จริงๆครับ...เฮ้อ   จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล เด็ก ฝรั่ง 11มันใช้การได้เเล้ว ..สุดยอด...แต่ว่า ตอนปลาย แบบคุณ ปู่ ลำบาก หน่อยนะจ๊ะ..โยนผ้า แหละ  เฮ้อ(ถ้าไม่มีคนที่ 4 ใช่เลย..แพ้ภัยตัวเอง  สม)
...ป้า รีบๆใช้นะจ๊ะ..ถ้าป้าเหี่ยวกว่านี้..กลุ้มแทน  เฮ้อ (จาระบี เป่า)
Older woman younger man

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2013, 07:59:55 AM »
ท่าน สมาชิก ที่เคยไป ทำบุญ..วัดที่หลวงพ่อเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่  อย่าตกใจนะครับ...หลวงพ่อ ท่าน ปลีกวิเวกขึ้นสวรรค์  เเย้ววววววว.....จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D
ปล เป็น ปลื้มกับ หลวงพ่อ  จัง..ยั่งงัย ก็นึกถีง ..น้ำผึ้งกล้วยน้ำว้าหมัก..ของ ท่าน อดุลย์ มั่งนะครับ หลวงพ่อ ...ช่วยได้..อากร้า ขอห้าม...อาจ หัวใจแฮงค์ ได้ จร้าาาาา   อิอิ
ข่าว จาก นสพ โพสทูเดย์

แอน – สุทธิรัตน์ มุตตามระ คือชื่อของเธอ

ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน /วิทยา ปะระมะ

พลิกแผ่นดินหาเพื่อขจัดสิ้นข้อสงสัย “หญิงปริศนา” ที่ปรากฏกายเคียงข้างอดีตพระปฏิบัติชื่อดัง มิตซูโอ คเวสโก คือพี่สาวแท้ๆ ของอดีตเลขานุการรัฐมนตรียุครัฐบาลประชาธิปัตย์ วิทเยนทร์ มุตตามระ

แอน – สุทธิรัตน์ มุตตามระ คือชื่อของเธอ

ใช่ใครอื่นไกล, หากแต่เป็นที่คุ้นชินในแวดวงสังคมชั้นสูง, “สุทธิรัตน์” ในวัย 52 ปี ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือเดอะควอลิตี้ กรุ๊ป และประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำเทคโนโลยีศูนย์ต่อต้านความชราครบวงจรภายใต้แบรนด์ คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์

เมื่อปี 2554 เธอ กร้าวประกาศทุ่มงบราว 800-1,000 ล้านบาท ก่อตั้งเป็นโรงพยาบาลแพทย์ต่อต้านความชรา หรือโรงพยาบาลแอนไทน์เอจจิง (Anti-Aging Hospital) เพื่อผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจความงาม

มาในวันนี้ ... เธอพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง

“สุทธิรัตน์” จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ในปี 2522 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เพียงชั่วข้ามคืน, เธอกลายมาเป็นจุดรวมของสายตานับล้านคู่ ภาพที่แสดงในเฟซบุกส์ “Suttirat Muttamara” เรียกความสนใจปนข้อเคลือบแคลงนานัปการ

ลึกเข้าไปในอัลบัมส่วนตัวของ “สุทธิรัตน์” ปรากฏ 11 รูปคู่กับอดีต “พระมิตซูโอะ” ในอิริยาบถปริ่มสุข

รูปแรกของเธอและคู่ โพสต์ขึ้นประจักษ์ต่อสาธารณะ เมื่อเวลา 17.47 น. ของวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นรูปขี่ม้าในประเทศฟิลิปปินส์ โดยรูปดังกล่าวถูกโพสต์ภายหลังที่เธอเขียนข้อความ เพียง 11 นาที

“ขอบคุณสำหรับผู้ที่ไม่หวังดีต่อดิฉัน ที่กล่าวหาว่าดิฉันวางยา Blackmail อาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงทำให้อาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตา และความรักต่อดิฉัน จะต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของดิฉัน ด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆ นี้ ขอบคุณอีกครั้ง” คือข้อความที่เธอเขียนขึ้น ก่อนตัดสินใจโพสต์รูปคู่ใน 11 นาทีให้หลัง จากนั้น “สุทธิรัตน์” ใช้เวลาอีก 6 นาที โพสต์รูปจนครบ

สำหรับสาเหตุที่เธอตัดสินใจต้องโพสต์รูป คาดการณ์กันว่าเป็นเพราะมีกระแสข่าวว่าพระมิตซูโอะจำใจลาสิกขา เพราะถูกผู้หญิงวางยาและถ่ายคลิปข่มขู่ ซึ่งรูปคู่ที่แสดงต่อสาธารณะชนนั้นเป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม กล่าวคือทั้งคู่ดูมีความสุข

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดในเฟซบุกส์ของ “สุทธิรัตน์” ก่อนมีการโพสต์รูปคู่ คือเรื่อง “กำไรชีวิต” โดยต้องย้อนกลับไปถึงวันที่ 11 มี.ค. และความเคลื่อนไหวก่อนหน้าต้องย้อนกลับไปถึงวันที่ 25 ก.พ.

เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจและได้ข้อคิดจากเฟซบุกส์ของ “สุทธิรัตน์” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 15 ก.พ. ภายหลังวันวาเลนไทน์เพียง 1 วัน ความว่า ‘ความรัก..ที่ถูกหลักวิชา ก่อนจะรักใครให้รักตัวเองก่อน รักตัวเองไม่ใช่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวคือการเติมความไม่บริสุทธิ์ให้ตัวเอง รักตัวเองจะปรารถนาให้ตัวเองมีความสุข จึงต้องสร้างเหตุจะเติมแต่ความดี รักตัวเองอย่างถูกวิชชาต้องคลายความผูกพัน หยุดนิ่งอยู่ภายใน แล้วจะเป็นสุขด้วยตัวของตัวเอง รักตัวเองได้ฉันใด เราก็จะรักเพื่อนมนุษย์ได้ฉันนั้น”

วันที่ 13 ธ.ค.2554 “สุทธิรัตน์” โพสต์ความจากภาพยนตร์เรื่อง Notting Hill (1999) ความว่า “การพบกันเป็นความบังเอิญ .. การยิ้มให้กันเป็นความตั้งใจ”

นอกจากนี้ ในเฟซบุกส์ “Suttirat Muttamara” ยังมีการโพสต์รูปเกี่ยวกับการตักบาตรทำบุญร่วมกับครอบครัวและบุตรชาย รวมทั้งรูปตัวเองนุ่งชุดขาวอีกเป็นจำนวนมาก สะท้องถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า

สำหรับ “พระมิตซูโอะ” ตามกระแสข่าวได้ลาสิกขาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีผู้ใดสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของการตัดสินใจครั้งนี้ และไม่มีความชัดเจนว่าท่านลาสิกขา ณ วัดใด

ถัดมาอีก 2 วัน คือวันที่ 10 มิ.ย. มูลนิธิมายาโคตรมี ได้ประชุมคณะกรรมการและแถลงข่าวยืนยันการลาสิกขาจริง อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวพบว่า ทั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมายาโคตรมี ไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูลถึงสาเหตุที่แท้จริงของการลาสิกขา

พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ลงนามในแถลงการณ์เรื่องการลาสิกขาของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในเวลา 20.30 น. ความว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่า พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขานั้น วัดสุนันทวนาราม ขอยืนยันว่าเป็นความจริง

ขณะนี้ท่านเดินทางไปต่างประเทศแล้ว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดของท่าน โดยจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะของฆราวาสต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของมูลนิธิฯ และโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจากพระอาจารย์ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว

ขอให้พวกเราทุกคนรักเมตตาต่อกัน และดำเนินงานประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันดังความประสงค์ของพระอาจารย์ไว้ให้จงดี

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่ได้บอกในคำแถลงการณ์ก็คือ ก่อนหน้านี้มูลนิธิมายาโคตมีได้ร่างแถลงการณ์มาแล้ว 1 ฉบับ ซึ่งมีการระบุไว้ว่าสาเหตุของการลาสิกขามาจากปัญหาด้านสุขภาพ แตกต่างกับแถลงการณ์ฉบับที่เผยแพร่ซึ่งไม่ได้ระบุสาเหตุแต่อย่างใด

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่และกรรมการมูลนิธิฯ ท่าทีประหยัดถ้อยคำและจำกัดคำถามของสื่อมวลชน โดยจะตอบเพียง 3 ประเด็นเท่านั้น คือ 1.พระอาจารย์ลาสิกขาแล้วหรือไม่ 2.สาเหตุจากอะไร 3.การดำเนินการของมูลนิธิฯ หลังจากนี้

 ดารณี บุญช่วย กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิฯ ระบุในวันแถลงข่าวว่า พระอาจารย์ได้ลาสิกขาจริงและได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลและไม่มีใครทราบว่าท่านลาสิกขาที่วัดใด

ทั้งนี้ ระหว่างการซักถามรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวหยุดสัมภาษณ์ และเชิญให้ร่วมรับฟังคำชี้แจงจากพระอาจารย์หนูพรม แต่ไม่ให้บันทึกภาพโดยเด็ดขาด

สำหรับการชี้แจงของพระอาจารย์หนูพรม ระบุว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าพระอาจารย์มิตซูโอะจะลาสิกขา โดยเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อผู้สื่อข่าวซักว่า ท่านทราบถึงการลาสิกขาได้อย่างไร พระอาจารย์หนูพรม มีท่าทีครุ่นคิดก่อนตอบว่า ทางเราก็... (นิ่งคิด 3 วินาที) ลักษณะที่ท่านเดินทางกะทันหัน ท่านก็ไปนั่น จะให้ตอบยังไงดี

ถามย้ำว่า ทำไมท่านถึงทราบว่าพระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขา พระอาจารย์หนูพรม ตอบว่า อันนี้ก็ ... (เงียบ) อาจารย์ถามไปทางวัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานีจึงได้คำตอบ

ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงสาเหตุการลาสิกขาและความเป็นมา รวมถึงการติดต่อกับพระอาจารย์มิตซูโอะหลายครั้ง แต่พระอาจารย์หนูพรม ยืนยันเพียงว่า เป็นไปตามแถลงการณ์

“คนไทยกับคนต่างชาติมีมุมมองต่างกัน เป็นธรรมดาของคนไทยที่ยึดติดตัวบุคคล ส่วนท่านก็อยากเผยแพร่คำสอนของศาสนาให้เป็นสากล คำสอนของท่านจะไม่ยึดติดกับพระพุทธเจ้า เพื่อให้ศาสนาอื่นสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาได้ และบางทีการเป็นฆารวาสก็เผยแพร่ศาสนาได้มากกว่า เพราะต่างชาติก็ไม่ได้ยอมรับพระ” พระอาจารย์หนูพรม ให้เหตุผล



ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 10:14:39 AM »
ยังเงียบ  เพราะหลายท่าน อาจจะทๆใจไม่ได้ในหลายเรื่อง...ไม่ว่ากัน...บางเรื่องมันก็จะแก้ปัญหาเองในตัวของมัน  จร้า ปล่อยวางมั่ง....บางเรื่องที่มันแก้เองไม่ได้ค่อยเข้าไปแก้นะจ๊ะ.....เมื่อเสนอ ชีวิตคู่ ที่สมหวัง ชื่นมื่น..เหมือนอดีตหลวงพ่อ....ที่ท่าน เพียงพอแห่งทางธรรม  ..ท่านจะเจาพเวลาที่เหลือในทางโลก...กับ ....ที่บางท่านว่า...คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า....เช่นกัน ฝ่ายชายก็ยังไม่เคยเข้า...เอาซะหน่อย อีก สิบ ปี อุปกรณ์ อาจ ชำรุด   อิอิ(ท่าน อดุลย์ ช่วยได้นะครับคุณพี่   อิอิ)
..แต่นี้ข่าวจาก เดลินิวส์วันนี้...น้องหวย น้องตี๋..ออกกันยังไงแบบ นี้...ฟาดกัน ริมหน้าต่าง...น่าจะ เป็นช่วงพีคของการปฏิบัติการ ..ถ้าในทางช่าง เราจะเรียกว่า....ควบคุมไม่ได้....เฮ้อ...เสียดดาย  จัง    ...เห็มโม๊ะเลย   ...กลุ้ม  จบข่าว :D :D :D :D


สลดคู่รักพิเรนทร์เล่นเสียวริมหน้าต่างพลัดร่วงกระแทกพื้นสยอง2ศพ
วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 เวลา 18:05 น.
เผยอากาศร้อนทำให้ชาวจีนจำนวนมากคิดจะเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ทั้งคู่โชคร้ายหน้าต่างห้องพักทรุดโทรมเกินไป สุดท้ายสังเวยชีพสุดสยอง

วันนี้ (28 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาย-หญิงคู่รักในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้เกิดอุตริมีเซ็กส์กันอย่างโลดโผนริมหน้าต่างแล้วเกิดพลาดร่วงตกลงมาจากตึกความสูงหลายชั้น ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตคาที่ 2 ศพ อย่างน่าสลดใจ

ทั้งนี้รายงานระบุว่า อากาศที่ร้อนในช่วงนี้ มีผลอย่างยิ่ง อาจทำให้คู่รักชาวจีนจำนวนมากมีแนวคิดอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการมีเซ็กซ์กัน แต่โชคร้ายที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าหน้าต่างห้องพักมีสภาพทรุดโทรมเกินกว่าจะแบกรับน้ำหนักของทั้ง 2 คนไหว จึงทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งภาพสุดสลดนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตและมีการวิจารณ์กันกระหึ่ม.


ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: มิถุนายน 30, 2013, 07:19:40 AM »
เรื่องของคู่ชีวิตนี้..มันวุ่นวายกันจริงๆครับ พี่น้อง.....เห็นภาพน้องหมวย ที่ดิ่งตึกเพราะ ...กำลังขึ้นสวรรค์ แต่ พลาด ..ขนาดท่านอนหลายคนเห็นแล้วหลากหลายจินตนาการ บางก็บอกว่า ขนาตายยังเซ็กซี่  ..ว้าว...เสียดายจัง...มาดูว่าทำไมไม่ถอดเสื้อแสดงว่า รีบกันจริงๆนะเนี๊ยะ    อิอิ...ขอจงสู่สุคติทั้งคู่....ไปแบบมีความสูขจริงๆ(อย่าเลียนแบบ นะจ๊ะ   อิอิ)
..มาอีกคู่..คือ พระดังยุ่น..วันนี้มีคลิป ท่านที่มาบอกว่าอะไรคืออะไร....ฟังแล้ว ใจหนึ่ง สงสาร ท่าน ที่ต่อไปนี้ ..เป็นงานที่ต้อง ฝึกใหม่ทั้งหมด...มาฝึกตอน อายุ ขนาดนี้ เหนื่อยแทน...เพราะถ้าเป็นสังคมไทย ส่วนมากแล้วจะ เริ่ม ทำจิต ให้สงบ เพื่อภพหน้า  แต่ก็มีบางท่าน..บอกว่า ภพหน้าคือ อนาคต...ขอภพนี้ละกัน...ว่าไป มันเป็นของ ร้อนนะจ๊ะ  ระวัง  เหอะ...อย่ามาถามหากล้วยน้ำว้าหมัก ของท่าน อดุลย์ ละกัน.(.รีบๆหมัก  จร้า สูขภาพเเข็งแรงจากธรรมชาติ....สุดยอด)...
..พระธรรมขององค์พระศาสดาเป็นอมตะเเท้ ...ท่านอาจารย์ ดื่มด่ำมาแล้วรู้ซึ้ง   แต่ความรักของอาจารย์กับน้องหญิงก็คงเป็นอมตะเช่นกันขนาดจากกันในชาติก่อน  ยังตามเจอกันอีก   สุดยอด   แต่ขอเเสดงความเป็นห่วงนิด  เจอกันในชาตินี้ ช้าไป  อิอิ(เกรงว่า ระบบมันจะไม่ทำให้ เจอกันอีกในภพหน้า   (เบื่อเเล้ว  จร้าาาาา))....ขอให้สูขี ตลอดไป     (ถ้าจะกลับมาบวชใหม่อีก คราวนี้ นับพรรษาใหม่นะครับ ท่าน อาจารย์   เฮ้อ   )
...ส่วนภาพที่แปะมานั้น เป็น ..สาวเวียตนาม อัดสาวเวียตนาม จร้าาาาา ..ว่ากันไป..อะไรที่มันจะเป็น อมตะ  ..ทำไปเหอะครับ    .....  จบข่าว :D :D :D :D
อาจารย์มิตซูโอะแถลง



ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2013, 08:09:53 AM »
ข่าว จาก นสพ เดลินิวส์ นะครับ...ที่เอามาให้อ่านไม่ใช่ คลั่งไคร้ หลงไหล อะไรหรอกนะครับ..แต่เหนื่อย แทน....เพราะเป็น.ตย  ที่อาจจะผิดครับ เสมือน หลอก ญาติโยม..เฮ้อ(เคยได้ข่าวว่าจะไม่มาอีกแล้ว) สงสาร คนในสังคมนี้ จัง..  ใจดีอะ จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล อะไรที่มัน มากไป ก็ไม่ดีนะครับ ท่านconstantine..เหมือนข่าวนี้ ถ้ามากไป ..โดน แน่  กลุ้ม
  พลาดหัวข่าว ราวกับ ..ต้อนรับ วีรบุรุษ วีรสตรี..กันเลย  อิอิ..ตกลง ได้อะไรกันนี้..ได้มันส์ สิจ๊ะ  อิอิ

อดีตพระมิตซูโอะ-ภรรยากลับถึงไทยแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:30 น.
อดีตพระมิตซูโอะ-ภรรยากลับถึงประเทศไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ที่มูลนิธิมายาโคตมี กรุงเทพฯ เตรียมเดินทางไป วัดสุนันทวนาราม กาญจนบุรี

วันนี้ (21 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมิตซูโอะ ชิบาฮาชิ หรือ อดีตพระอาจารย์-เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดหนองป่าพง ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อม น.ส.สุทธิรัตน์ มุตตามระ ภรรยา เดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว โดยมีกำหนดการจะเดินทางยังวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดหนองป่าพง ที่ ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีด้วย
พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม กล่าวว่า ได้ยินข่าวดังกล่าวเช่นกันว่าอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะ เดินทางกลับมายังประเทศไทย และขณะนี้อยู่ที่มูลนิธิมายาโคตมี กรุงเทพฯ จากนั้นจะเดินทางมาที่วัดสุนันทวนาราม

สำหรับบรรยากาศภายในวัดสุนันทวนาราม ยังเป็นไปตามปกติ โดยมีคณะต่างๆจากภาครัฐ เอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษา เข้ามาปฏิบัติธรรม มีกำหนดปฏิบัติธรรมรวม 7 วัน ขณะที่เมื่อวันที่ 20 ก.ค ทางวัดได้จัดพิธีอุปสมบทพระจำนวน 22 รูป โดยมีญาติโยมเดินทางมาร่วมจำนวนมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2013, 08:12:05 AM โดย อินทะเนียร์น้อย »

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2013, 05:50:46 AM »
ยังวนอยู่กับ ..การลดโลกร้อน  ด้วยวิธีโบราณ เหมือน เดิม  อิอิ......ที่นำมาเล่าเมื่อวาน คือ ...การกลับมาของ อดีต พระดังที่พบคู่ชีวิต ตามบุเพสันนิวาสที่ปางก่อน  ว่ากันว่า หลายอย่างก็ลี้ลับ ที่ยากจะอธิบาย...บางอย่างก็น่าเห็นใจหากไม่เป็นอย่างที่คิด....นี่คือ รุ่นใหญ่ เจอรุ่นใหญ่ ...วันนี้มีข่าวจาก นสพ มติชน...รุ่นเล็กเจอรุ่นใหญ่...ในข่าวบอกว่า..ชาย 40 หญิง 16  ..ว้าว  แม่จ้าว...ผลต่าง อายุ=24....อะไรจะปานนั้น...อันนี้ น่าสงสาร ฝ่ายหญิงครับ...ยังเป็นเด็กจริงๆคือ ..ยังไม่มีภาวะการครองเรือน...ยิ่งได้ตัวแก่มาเป็น ผัว.อีก..แถมตัวแก่ ก็ไม่เข้าใจ เด็กๆ  อีก..ดันไปพูดเปรียบเทียเรื่องเมียเก่า...นี่แสดงว่า...ไม่เข้าใจในธรรมชาติของวัยเด็ก  ...เเต่เอาเด็กมาทำหน้าที่เมีย...ซึ่งตัวแก่ที่เน่าไปนี้คิดว่า น่าจะเป็นดั่งใจตัวเองคิด...การที่มีอายุต่างกันมากขนาดนี้..ความคิดจะเเตกต่างกันมาก....คู่ที่เป็นอดีตพระ ก็ไม่แน่ในอนาคต...เมื่อความโรเเม้น..มันหายไป...เฮ้อ..เศร้า
...ยังงัยก็ขอให้เจอคนที่รัก..เรา และเขา..กันจริงๆ ทุกท่านนะครับ  อะไรที่มัน หนักไป...ปล่อยวางมันบ้างนะครับ...แผ่เมตตาให้ กันและกันบ้าง....เข้าพรรษาเเล้ว...การให้อภัยก็เป็นการได้บุญ..เช่นกัน มีคนบอกมา  อิอิ   
..อ่าน ข่าวกันเลยครับ..ฟังเพลง..มีเมียเด็ก..ให้ฟังเพื่อ ปลง กับข่าวนี้...ใคร มันแต่งเพลงแนวนี้ ทำให้ พวกคิดอะไรไม่ออก จำแม่นเลย  อิอิ..บางอย่างที่เป็นอันตรายกับสังคม อย่าไปสนับสนุนมันครับ เช่น รายการ ทางทีวี ที่ ทำลายสังคม ควรประนาม อย่าชม..มันจะทำให้ เยวชน รุ่นหลัง พังทะลาย..รายการพวกนี้เมื่อก่อน เคยชื่นชอบ แต่ดูไปดูมา ..มันเป็นพวก ทำลายวัฒนธรรม ทางอ้อม นี่น่า เฮ้อ   (มุก ตื้นๆ กร้าวร้าวรุนแรง ..ขาดศาสตร์แห่งศิลปะของการแสดงนั้นๆ จริง  ความหล่อทีดูแล้วเจริญหูเจริญตา..มีเเต่ปลากะโห้ มาเป็นผู้นำเสนอ   กลุ้ม)..... จบข่าว :D :D :D :D
ปล พระคุณเจ้า...เทศน์ ตรงไปตรงมาดีจริงครับ...เจ้าภาพเปลี่ยนใจเลย..อิอิ
มีเมียเด็ก พรศักดิ์ ส่องแสง by PRAEW


มีเมียเด็ก พระธรรม 2


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ร.ต.ท.วรวิทย์ มีคำ พนักงานสอบสวน สน.บางนา รับแจ้งชายถูกเเทงเสียชีวิต ภายในอาคารบ้านกอบสุขอพาร์ทเม้นท์ ปากซอยบางนาตราด 21 แยก 20 แขวงและเขตบางนา กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส.สน.บางนา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องเลขที่ 27 ชั้น 3 ของอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว


เจ้าหน้าที่พบศพนายเจษฎากร ไชยปัดชา อายุ 40 ปี บ้านเดิมเลขที่ 17 หมู่ที่ 1 ต.หนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม สภาพศพนอนตะแคงขวาขวางหน้าประตูห้อง สวมเสื้อยืดสีโปโลลายขวางสีดำคาดแดง นุ่งกางเกงยีน ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่หน้าอกซ้าย 1 แผล ใกล้กันพบมีดปอกผลไม้เปื้อนเลือดยาว 6.5 นิ้ว ตกอยู่ที่พื้น 1 เล่ม ขณะเดียวกันก็พบ น.ส.ภา (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ภรรยาของผู้ตาย ยืนรอมอบตัวด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ


จากการสอบสวน น.ส.ภา ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นคนแทงสามีเสียชีวิตจริง โดยสามีทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารอยู่ที่บริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนตนไม่ได้ทำงานอะไร ที่ผ่านมาก็เคยมีปากเสียงกันบ้าง จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนกับสามีได้ออกไปดื่มสุรากันข้างนอก เพิ่งกลับมาที่ห้องตอนตี5 จากนั้นก็เกิดมีปากเสียงกันทะเลาะกันอย่างรุนแรง เนื่องจากสามีชอบพูดเปรียบเทียบถึงภรรยาเก่าให้ฟัง และตนถูกสามีตบหน้าไปครั้งหนึ่ง ด้วยความโมโหจึงคว้ามีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ในห้องแทงหน้าอกสามีจนเสียชีวิตดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





ออฟไลน์ yommatood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2013, 09:35:54 AM »
ตำรวจ: พอจะบอกเบาะแสอะไรได้บ้างครับ
สาวตาบอด: มันมาสามคนค่ะ
ตำรวจ: ครับ
สาวตาบอด: คนแรกน่าจะรับราชการ
ตำรวจ: ทำไมคิดว่าเขารับราชการ
สาวตาบอด: ก็เขาชอบเลียแข้งเลียขา แล้วก็ ชอบทำ ๆ หยุด ๆ
ตำรวจ: แล้วอีกคนล่ะ
สาวตาบอด: น่าจะเป็นหมอค่ะ
ตำรวจ: ทำไมล่ะ
สาวตาบอด: ก็เขาชอบคลำ จับโน่นจับนี่ แล้วบอก ให้นอนนิ่งๆ แล้วพลิกซ้ายพลิกขวา
ตำรวจ: แล้วคนสุดท้ายล่ะ
สาวตาบอด: น่าจะทำงานเอกชน เพราะเขาทำไม่หยุดเลยค่ะ~
ตำรวจ:  ..........

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2013, 09:04:12 AM »
สวัสดีครับ ท่านyommatood
หายไปนาน คิดว่าลืมพวกเราไปเเล้ว...มาครั้งนี้ ก็มีเรื่อง เล่าดีๆมีคติ  ให้พวกเราขบคิด  อีกแย้วววว   อิอิ   น่ารัก จัง(ของใครบงาคน แถวไหน  หนอ  อิอิ)..เฮ้อ  หมดกันเลย ความลับ เปิดเผย....เพื่อน อินทะเนียร์น้อย   ทำงานอยู่ บริษัท หานบุร๊ การโกย และ คอนสเต็คชั่น  จำกัด(ตาม งบ แสนล้าน  อิอิ)..มันทำไม่หยุดจริงๆครับ  ทำทุกอย่าง  ขยัน  จริงครับ  แต่ไม่ได้เป็น โปรเจคแมนเนเจอร์ นะคครับ เพราะแอบชำเรือง อก เลขาฯ  บ่อยๆๆ  ท่านประธาน ..บริษัท   ....อิอิ    จบข่าว :D :D :D :D :D :D
ปล มี อีกเสียงคะ คุณ ตร ..มันบอกว่า ..มีอี(imie)นี่เพราะ พี่ให้  เย๊ย ..ใครหว่า (พี่มีแต่ให้ )

พี่มีแต่ให้ - เอกชัย ศรีวิชัย.mpg



ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 06:42:28 AM »
ขอเเสดงความเสียใจต่อการจากไปของท่านทั้งสอง  ขอจงสู่สุคติ   จบข่าว :D :D :D

ปล โปรดระวัง ด้วย คนแถวนี้..ฟ้ามีมาตรฐานเดียว  จร้าาาา  เหมือนกันทั้วโลก มีมาพร้อมโลกเิกิด ไม่มีใครห้ามได้(ยกเว้น พี่เณร  อิอิ)

ข่าว จาก นสพ แนวหน้า
7 ก.ค.56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองแฟล็กสตาฟฟ์ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา อ้างอิงรายงานของสำนักงานนายอำเภอเขตโคโคนิโน ในรัฐแอริโซนาว่า อ.ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์  และทันตแพทย์หญิง รัชยา ตันตรานนท์ อายุ 30 ปีเท่ากัน สามีภรรยาจากจังหวัดเชียงใหม่ ทางตอนเหนือของประเทศไทย  เป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า บริเวณจุดชมวิว "เลอเฟวเรอร์" หนึ่งในจุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติ แกรนด์ แคนยอน บนทางหลวงสาย 89เอ ห่างจากเมืองจาค็อบ เลค ไปทางตอนเหนือราว 12.8 กิโลเมตร

โดยทั้งคู่อาจกำลังยืนชมทัศนียภาพหรือเก็บภาพกันอยู่บนโขดหินในบริเวณนั้น ก่อนที่ฟ้าจะผ่าลงมาทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อวันอังคาร และทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตคาที่เกิดเหตุอย่างน่าสลดใจ

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าบริเวณ แกรนด์ แคนยอน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องมีฝนตก  และเกิดบ่อยครั้งมากในช่วงในช่วงฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ของอุทยานจึงทั้งติดป้ายประกาศ และคอยเดินตรวจตราเพื่อเตือนนักท่องเที่ยว ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง หรือจับรั้วเหล็กตามขอบเหว แต่หลายครั้งก็มีผู้ยอมเสี่ยงชีวิตไปรอบันทึกภาพเหมือนกัน

ปัจจุบัน อ.ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ มีตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพิ่งเข้าพิธีมงคลสมรสกับ ทญ.รัชยา ตันตรานนท์ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็เดินทางมาฮันนีมูนกันที่สหรัฐ


 

 

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6114
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: แต่งงานกันเถอะ : ช่วยลดโลกร้อน
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 11:25:28 AM »
มีเกล็ดความรู้จาก โพสทูเดย์ มาฝาก.....ได้ข่าวมามากเหมือนกัน ที่ ชาวนาถูกฟ้าผ่า เพราะ มือถือ ครับ...มีคนมาบอกว่า...สองผัวเมีย ตายอนาจ เพราะเปิดมือถือ กลางทุ่งนา....อันนี้ มีเเนวโน้มว่าจริง เพราะ สายล่อฟ้า แบบเรดิโอเเอ็คทีพ  ใช้....คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นตัว ไล่ ประจุไม่ให้ ผ่าลงมา แต่นี่ อาจจะเป็น ทางตรงข้ามกัน....ไม่เชื่อก็อย่าลองนะครับ....ที่แน่ๆอย่าสาบานกันบ่อยนัก ในสภา ..มาสาบานกลางทุ่งกันมั่ง   อิอิ(เปิด มือถือด้วย ..ตายไว  อิอิ)   จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล เห็นมะ อยู่ในรถ ปลอดภัย จากฟ้าผ่า แต่ระวัง ประจุบวกในรถละกัน...ขั้วสั้น เเต่ สปาร์ค  น่ากล้ว  อิอิ(รถที่มี ประแจล๊อค แบบนี้ ละปลอดภัย  อิอิ..หนีบขั้วมันเลย   เย้)
รู้ไว้ใช่ว่า...วิธีเอาตัวรอดจากฟ้าผ่า

ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าเกิดจากอะไรและจะมีวิธีการป้องกันความเสี่ยงนี้ได้อย่างไร?

นับเป็นเรื่องสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สามีภรรยาเข้าใหม่ปลามันอย่าง ดร.อารัมภ์ กาวีวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ทันตแพทย์หญิงรัชยา ตันตรานนท์ ซึ่งเพิ่งเมื่อเข้าพิธีมงคลสมรสกันเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ต้องมาจบชีวิตลงระหว่างการฮันนีมูน จากปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ใกล้จุดชมวิว "เลอเฟวเรอร์"  ของอุทยานแห่งชาติ แกรนด์แคนยอน รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา

แม้จะกระทันหัน...แต่อย่างน้อยที่สุดทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจนวันสุดท้าย และได้จากไปในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต...

เมื่อไม่นานมานี้ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาให้ความรู้เรื่อง "ฟ้าผ่า ภัยธรรมชาติที่มาพร้อมฤดูมรสุม" พร้อมทั้งแนะวิธีการปฏิบัติตัวในช่วงฝนฟ้าคะนอง โดย สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า ฟ้าผ่าเกิดจากเมฆคิวมูโลนิบัสหรือเมฆฟ้าคะนอง เมื่อหยดน้ำในเมฆมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถต้านแรงดึงดูดของโลกไว้ได้ จะเริ่มตกลงสู่พื้นดิน เป็นกระแสอากาศไหลลง (Downdraft)

การเกิดทั้งกระแสลมพัดขึ้นและลงนี้จะทำให้เกิดการแยกประจุบวกและลบภายในก้อนเมฆขึ้น โดยด้านบนของเมฆจะเป็นประจุบวกและด้านล่างซึ่งเป็นฐานเมฆจะเป็นประจุลบ แต่เนื่องจากฐานเมฆอยู่ใกล้กับพื้นดินมาก จึงเกิดการเหนี่ยวนำให้สิ่งของต่างๆ ทั้งต้นไม้บ้านเรือน ตึก คน บริเวณใต้ฐานเมฆเป็นประจุบวก ประจุลบที่ฐานเมฆจะเคลื่อนที่ลงมายังพื้นดินที่เป็นประจุบวก เกิดเป็นฟ้าผ่าขึ้นในที่สุด

นอกจากนี้ ลักษณะของฟ้าผ่ายังเกิดขึ้นได้หลายชนิดด้วยกัน เช่น การเกิดฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้นจากเมฆสู่เมฆ ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นภายในเมฆเอง รวมทั้งฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น เรียกว่า Positive Lightning การเกิดฟ้าผ่าชนิดนี้รุนแรงมาก เนื่องจากสามารถผ่าได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร นั่นคือ แม้ว่าเหนือศีรษะเราอาจไม่มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น แต่ก็มีโอกาสถูกฟ้าผ่าชนิดนี้ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของสายฟ้ามักจะผ่าลงในที่โล่งและมีวัตถุสูงเด่นในบริเวณนั้น ดังนั้นความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าของคนในเมืองจะมีน้อยกว่าคนที่อยู่ในที่โล่งแจ้งหรือกลางทุ่งนา เนื่องจากในเมืองมีตึกสูงจำนวนมาก และตึกเหล่านี้มักติดตั้งสายล่อฟ้าอยู่แล้ว แต่ใช่ว่าจะมีความเสี่ยงน้อยแล้วจะปลอดภัย เพราะในเมืองก็มีที่โล่ง เช่น สวนสาธารณะต่างๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ ดังนั้นเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ควรเสี่ยง หลบเข้าอาคารบ้านเรือนจะปลอดภัยกว่า

"วิธีสังเกตคือ เมื่อมีฟ้าแลบแล้วจะมีเสียงฟ้าร้องตามมาภายใน 3 วินาที แสดงว่ามีฟ้าผ่าเกิดขึ้นในรัศมี 1 กิโลเมตร ยิ่งถ้าฟ้าแลบแล้วมีเสียงร้องตามมาใน 1 วินาที แสดงว่าอยู่ใกล้มากแค่ประมาณ300 เมตรเท่านั้น มันมีความเสี่ยง ให้หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วรีบเข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัย จะอยู่ในบ้านตึกที่มิดชิด หรือถ้าไม่ทันก็หลบไปนั่งในรถยนต์ก็ได้เพราะถ้าฟ้าผ่ารถ กระแสไฟฟ้ามันจะวิ่งตามผิวชั้นนอก" อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ถ้าหาที่หลบไม่ได้จริงๆ ให้นั่งยองๆ กอดเข่า เพื่อลดพื้นผิวสัมผัสกับพื้นให้มากที่สุดอย่านอนราบลงกับพื้น เพราะหากเกิดฟ้าผ่าขึ้นกระแสย้อนกลับจากพื้นดินอาจเคลื่อนที่ผ่านตัวเรารวมทั้งห้ามหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ หรือต้นไม้สูงๆเด็ดขาด เนื่องจากต้นไม้จะถูกเหนี่ยวนำให้เกิดประจุบวกจำนวนมาก โอกาสถูกฟ้าผ่าจึงสูงมาก หรือหากเกิดฟ้าผ่าขึ้นที่ต้นไม้นั้น ก็อาจถูกกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนที่จากลำต้นมายังโคนต้นไม้ได้เช่นกัน

สธน ให้ข้อมูลด้วยว่า การตายที่มีสาเหตุจากฟ้าผ่าเกิดขึ้นทุกปี เฉพาะปีนี้ก็คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 30 คน และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในฤดูมรสุม ซึ่งเกิดบ่อยครั้งในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา

และที่ต้องระมัดระวังอีกช่วงหนึ่งคือปลายฤดูฝนระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. นี้ซึ่งจะเกิดฝนตกหนักฟ้าคะนองอีกครั้ง