นึกออกอย่างนึงแล้วครับท่านอินทะเนียร์น้อย
ผมว่านะ
ประเทศสิงคโปร์นี่แหละ
ที่สมควรจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในห้าปีหรือแปดปีก็ว่ามา
คือกะว่าให้เวลาเพื่อรถน้ำมันที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันมันหมดอายุการใช้งานเสียก่อน
ให้ผู้นำเค้าประกาศวิสัยทัศน์เรื่องนี้ไปเลย สิงคโปร์ทำได้อยู่แล้วด้วยเหตุผล
1.เป็นประเทศเล็ก(มาก) ไม่มีปัญหหาเรื่องสถานที่ชาร์จไฟ (มากนัก)
แต่ละวันรถคงวิ่งกันไม่กี่กิโล แค่ชาร์จไฟจากบ้าน
กับเปิดจุดบริการชาร์จตามที่สาธารณะอีกสักสิบจุดทั่วทั้งเกาะ
แค่นี้ก็เหลือเฟือ
2.เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า
ท่านผู้นำก็จัดการไปเลยในเรื่องภาษีรถยนต์
โดยเก็บภาษีรถน้ำมันให้สูงปรี๊ด ทั้งภาษีรายปีและภาษีสรรพสามิต
แล้วไปลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าให้เหลือ 0 %
หรือรัฐจะควักกระเป๋าอุดหนุนเพิ่มไปอีกคันละสี่ซ้าห้าหมื่นบาทก็ยังได้ ด้วยประเทศเค้ารวย แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง
ดูตัวอย่างขนาดประเทศสารขัณฑ์นุ่งกางเกงตูดขาด
แต่ผู้นำยังมีปัญญาควักเงิน (ที่ไปบากหน้าหยิบยืมเค้ามา) แจกประชาชนกันตรึม
ทั้งคนละครึ่งเอย เราเที่ยวด้วยกันเอย
บัตรคนจนเอย บัตรคนชราเอย
โอ้ย สาธยายไม่หมด
กว่าจะรู้ตัวอีกที
โน่นแหละ ท่านผู้นำเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงไม่เจอไรสักบาท
คลำเจอแต่ไข่เหี่ยวๆสองลูก ซึ่งถ้าเอาไปแลกกับไข่ไก่แค่ครึ่งฟองก็ไม่มีใครเอา เชื่อดิ
3.มาตรการต่อไป
รัฐบาล (สิงคโปร์ ไม่ใช่สารขัณฑ์) จัดโปรโมชั่น
ให้ประชาชนนำรถ(น้ำมัน)เก่า มาแลกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่
ตีราคาตามสภาพรถ และบวกเงิน(จากรัฐ)เพิ่มไปอีกหนึ่งแสนบาท
4.เมื่อครบกำหนด 5 ปี 8 ปี ที่รัฐบาลกำหนดเวลาไว้
หากยังมีรถน้ำมันวิ่งอยู่ รัฐซื้อคืนทั้งหมดด้วยราคาที่เป็นธรรม
ฯลฯ
โอ้ยยยย สาธยายไม่หมด
ถ้าทำสำเร็จ
สิงคโปร์ก็จะได้หน้าจากนานาอารยะประเทศ
กลายเป็นท้องถนนสีเขียว Green Road ปราศจากมลพิษหรือควัน
เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมเชียวล่ะ
(อ้อ ไม่เฉพาะรถยนต์นะ มอเตอร์ไซค์หรือกระทั่งเครื่องตัดหญ้าก็ต้องไฟฟ้าด้วย ไม่งั้นจะเป็นถนนสีเขียวไปไม่ได้)