แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - อินทะเนียร์น้อย

หน้า: 1 ... 281 282 [283] 284 285 ... 405
4231
อย่างที่ ท่าน อดุลย์ บอกคนเรามักจะมองไม่เห็นว่า ตัวเอง แก่  อิอิ   คลิปที่เเล้วที่คนขึ่ จยย เถียง ตร จร...ฟังเป็นกลาง ไอ้นี่ เต็มๆ...มีใบขับขี่แล้ว ตร จร จับไม่ได้ถ้าทำผิด...เฮ้อ...แบบนี้ก็มีในบ้านนี้เมือง  อ๋อ..ผิดแบบไมเจตนา เพราะหา เช้ากินคำ่..ใครถามมัน..นสพ บางฉบับ ยังเอามาลงอีก...นี่เป็นการส่งเสริมคนผิดจริงครับ..น่าเบื่อ
...นี่ก็ดูคลิปนี้ ดีๆนะครับ...ท่านที่มีใบขับขี่สอบ(ไม่ได้ซื้อ อะ  อิอิ)...รุกระบะ เขาห้ามแล่นเลนขวานะครับ  ที่ทราบเพราะไปช่วยค่า ตาบัค ดาบมาแล้วๆๆ  อิอิ...เมื่อออกเลนขวาสุด จะต้องเป็นรถที่แล่นไวแต่ไมินกำหนด นะจ๊ะ..น่าจะไม่ให้เกิน 120km/h...นี่พี่เเก ฟาดซะ ยางระเบิด  ...ดีไม่ตายหxx....งานนี้ ...ยาวละ ทั้งค่าปรับ ค่าซ่อมรถ...วิศวกรสร้างรถมาให้พวก คนป่ามีปืนใช้จริงๆครับ...กลุ้ม (สงสาร วิศวกร จัง  ฮือๆๆๆ)  จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D :D :D
<a href="http://www.youtube.com/v/CWvjZ-966gA" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/CWvjZ-966gA</a>

<a href="http://www.youtube.com/v/rp8hvyjZWHs" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/rp8hvyjZWHs</a>

4232
ผึ้งที่นครศรีธรรมราช...เข้าวัด จำศิล...ใจบุญจริงๆๆๆๆ....ท่าน สว  ..ว่างๆก็ว่างเว้นจาก น้ำผึ้งหมักกล้วยน้ำว้า  ก็ไม่เลวนะครับ...อิอิ   จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D :D

4233
ต่อครับ........

ระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยว ไอน์สไตน์ได้เขียนบันทึกประจำวันส่งให้ภรรยาใหม่ของเขา คือเอลซา กับบุตรบุญธรรมอีกสองคนคือมาร์ก็อตและอิลซา จดหมายเหล่านี้รวมอยู่ในเอกสารที่ยกให้แก่มหาวิทยาลัยฮีบรู มาร์ก็อต ไอน์สไตน์ อนุญาตให้เผยแพร่จดหมายส่วนตัวแก่สาธารณชนได้ แต่จะต้องเป็นเวลา 20 ปีหลังจากเธอเสียชีวิตแล้วเท่านั้น (มาร์ก็อตเสียชีวิตในปี พ.ศ.2529) บาร์บารา โวลฟ์ ผู้ดูแลรักษาเอกสารของไอน์สไตน์ที่มหาวิทยาลัยฮีบรู ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บีบีซีว่า มีจดหมายติดต่อส่วนตัวระหว่างช่วงปี พ.ศ.2455-2498 เป็นจำนวนมากกว่า 3,500 หน้า

สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดสร้างรูปปั้นอนุสรณ์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นทองแดงและหินอ่อนและสลักโดยโรเบิร์ต เบิร์คส์ ในปี พ.ศ.2522 ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ใกล้กับ National Mall

ไอน์สไตน์ทำพินัยกรรมยกลิขสิทธิ์การใช้งานภาพของเขาทั้งหมดให้แก่มหาวิทยาลัยฮีบรู กรุงเยรูซาเล็ม ต่อมา บริษัท คอร์บิส คอร์ปอเรชั่น ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อและภาพต่างๆ ของเขา ในฐานะตัวแทนผู้มีอำนาจแทนมหาวิทยาลัยฮีบรู

เกียรติคุณและอนุสรณ์เกิดขึ้นใน พ.ศ.2542 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้รับยกย่องเป็น “บุคคลแห่งศตวรรษ” โดยนิตยสารไทมส์ กัลลัพโพล ได้บันทึกว่าเขาเป็นบุคคลผู้ได้รับการยกย่องสูงที่สุดอันดับ 4 แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20และจากการจัดอันดับ 100 บุคคลผู้มีอิทธิพลอย่างสูงในประวัติศาสตร์ ไอน์สไตน์เป็น “นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 และหนึ่งในสุดยอดอัจฉริยะตลอดกาล”

อนุสรณ์ส่วนหนึ่งที่ยังจับต้องได้ในโลกปัจจุบันคือ สหพันธ์นานาชาติฟิสิกส์บริสุทธิ์และฟิสิกส์ประยุกต์ ได้กำหนดให้ปี พ.ศ.2548 เป็น “ปีฟิสิกส์โลก” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 100 ปีครบรอบการตีพิมพ์ Annus Mirabilis Papers สถาบันอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อนุสรณ์สถานอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ โดย โรเบิร์ต เบิร์คส์ หน่วยวัดในวิชาโฟโตเคมี ชื่อว่า ไอน์สไตน์ เคมีธาตุลำดับที่ 99 ชื่อ ไอน์สไตเนียม (einsteinium) ดาวเคราะห์น้อย 2001 ไอน์สไตน์ รางวัลไอน์สไตน์ รางวัลสันติภาพไอน์สไตน์

ปี พ.ศ.2533 ได้มีการจารึกชื่อของไอน์สไตน์เข้าไว้ใน วิหารวัลฮัลลา หอเกียรติยศซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูป ประเทศเยอรมัน


4234




หลายท่าน ชื่นชอบและศรัทรา ท่าน..นี้ครับ...สุดยอดอั๗ฉริยะ  ของโลก  ที่หาใรเทียบเท่าได้...ขอขอบคุณ นสพ บ้านเมืองที่ลง ประวัติความเป็นมาของท่าน ให้คนรุ่นหลังได้ ฝันไปไกลเหมือนท่าน  และเป็นฝันที่เป็นจริงด้วยยย...ขอปรบมือให้ นสพ บ้านเมืองครบๆๆๆ(ฉบับ อื่น เน้นไปทาง  ผัวๆเมียๆ(น้อย) ....ฆ่ากันตายเพราะไอ้นั่นไม่เว้นแต่ละวัน..เฮ้อ(หาสาระให้เยวชนไทยดู  ยากกกกก   )   จบข่าว :D :D :D :D :D :D
ปล ท่านได้ลาโลกไป ในเือนี้นะครับ  เมื่อ ราว ห้าสิบก่อน...เมื่อเดือนเมษายน นี่แหละ  อ่านดูละกัน

 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดอัจฉริยะ
โลกผ่านวันรำลึกสำคัญในสัปดาห์นี้อีกวันหนึ่ง…เป็นวันสุดท้ายของชีวิตผู้ที่ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์อัจฉริยะ ซึ่งแม้ทฤษฎีสัมพันธภาพที่เขาคิดขึ้นมาจะคร่าชีวิตมนุษย์ที่คิดต่างกันกว่า 2 แสนคนในปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวก็ตามที…”

คนสำคัญผู้นี้คืออัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ยอดอัจฉริยะ ในช่วงศตวรรษที่ 20 ผู้ยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยระเบิดปรมาณูอันทรงอานุภาพแห่งการทำลายล้าง

บาดแผลที่เกิดในหัวใจเขาถึง 20 ปีหลังจากนั้นเริ่มต้นจากตัวเขาเองเพราะเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ไอน์สไตน์ ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งถึงประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี.รูสเวลท์ (Franklin Delano Roosevelt) เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของ แร่ยูเรเนียมที่สามารถนำมาสร้างลูกระเบิดพลังงานการทำลายล้างรุนแรง เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นประกาศแพ้สงคราม และนำสันติภาพ (กับความยิ่งใหญ่ของอเมริกา) มาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง ระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงที่เมืองฮิโรชิมา (Hiroshima) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้คนเสียชีวิตทันทีกว่า 60,000 คน และเสียชีวิตภายหลังอีกกว่า 100,000 คน
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (14 มีนาคม พ.ศ.2422-18 เมษายน พ.ศ.2498) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน (ตามลำดับ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี พ.ศ.2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก “การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี” ในปี ค.ศ.1905 เมื่อไอน์สไตน์อายุ 26 ปี เขาได้ตีพิมพ์การค้นพบสมการ E = mc 2 (E คือพลังงาน m คือมวล c คือความเร็วของแสง)

ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามวลขนาดเล็ก สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ สมการนี้นำไปสู่การสร้างระเบิดอะตอม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทิ่มแทงจิตสำนึกของไอน์สไตน์มาตลอด 20 ปีสุดท้ายของชีวิตดังที่กล่าวแล้ว

แบบอย่างของความฉลาดหรืออัจฉริยะ ความนิยมในตัวของเขาทำให้มีการใช้ชื่อไอน์สไตน์ในการโฆษณา หรือแม้แต่การจดทะเบียนชื่อ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” ให้เป็นเครื่องหมายการค้า เป็นที่เคารพนับถือ ทั้งในความเชื่อในความสง่า ความงาม และความรู้แจ้งเห็นจริงในจักรวาล (คือแหล่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจในวิทยาศาสตร์ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่) เป็นสูงสุด ความชาญฉลาดเชิงโครงสร้างของเขาแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบของจักรวาล ซึ่งงานเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านผลงานและหลักปรัชญาของเขาในทุกวันนี้

เขาเคยกล่าวถึงศาสนาพุทธ ว่า “ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้…ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบันศาสนานั้นก็ควรเป็น พระพุทธศาสนา”

ไอน์สไตน์ได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 300 ชิ้น และงานอื่นที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์อีกกว่า 150 ชิ้น ปี พ.ศ.2542 นิตยสารไทมส์ยกย่องให้เขาเป็น “บุรุษแห่งศตวรรษ”

ไอน์สไตน์ถึงแก่กรรมที่พรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์ ในเดือนเมษายน ค.ศ.1955 จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เขายังคงชิงชังวิธีการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวของระเบิดนิวเคลียร์ ที่นักฟิสิกส์มีส่วนสร้างให้กับโลก เขาเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า

“หากข้าพเจ้ารู้ล่วงหน้าว่าทฤษฎีของข้าพเจ้า

จะนำไปสู่การทำลายล้างอย่างมหันต์เช่นนี้

ข้าพเจ้าขอเป็นช่างทำนาฬิกาเสียดีกว่า”

ชีวิตและผลงานของอัจฉริยะคนนี้มีอยู่ว่า ไอน์สไตน์เกิดในเมืองอูล์ม ราชอาณาจักรเวือร์ทเทมแบร์ก สมัยจักรวรรดิเยอรมัน ห่างจากเมืองสตุ๊ตการท์ทางตะวันออกประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งในปัจจุบันคือรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก ประเทศเยอรมนี บิดาของเขาชื่อว่า แฮร์มานน์ ไอน์สไตน์ เป็นพนักงานขายทั่วไปซึ่งกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับเคมีไฟฟ้า มารดาชื่อว่า พอลลีน โดยมีคนรับใช้หนึ่งคนชื่อ คอช ทั้งคู่แต่งงานกันในโบสถ์ในสตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน : Stuttgart-Bad Cannstatt) ครอบครัวของเขาเป็นชาวยิว (แต่ไม่เคร่งครัดนัก) อัลเบิร์ตเข้าเรียนในโรงเรียนประถมคาธอลิก และเข้าเรียนไวโอลิน ตามความต้องการของแม่ของเขาที่ยืนยันให้เขาได้เรียน
อายุได้ห้าขวบ พ่อของเขานำเข็มทิศพกพามาให้เล่น และทำให้ไอน์สไตน์รู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างในพื้นที่ที่ว่างเปล่า ซึ่งส่งแรงผลักเข็มทิศให้เปลี่ยนทิศไป เขาได้อธิบายในภายหลังว่าประสบการณ์เหล่านี้คือหนึ่งในส่วนที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เขาในชีวิต แม้ว่าเขาชอบที่จะสร้างแบบจำลองและอุปกรณ์กลได้ในเวลาว่าง เขาถือเป็นผู้ที่เรียนรู้ได้ช้า สาเหตุอาจเกิดจากการที่เขามีความพิการทางการอ่านหรือเขียน (dyslexia) ความเขินอายซึ่งพบได้ทั่วไป หรือการที่เขามีโครงสร้างสมองที่ไม่ปกติและหาได้ยากมาก (จากการชันสูตรสมองของเขาหลังจากที่ไอน์สไตน์เสียชีวิต)

ไอน์สไตน์เริ่มเรียนคณิตศาสตร์เมื่อประมาณอายุ 12 ปี โดยที่ลุงของเขาทั้งสองคนเป็นผู้อุปถัมภ์ความสนใจเชิงปัญญาของเขาในช่วงย่างเข้าวัยรุ่นและวัยรุ่น โดยการแนะนำและให้ยืมหนังสือซึ่งเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

ใน พ.ศ.2437 เนื่องมาจากความล้มเหลวในธุรกิจเคมีไฟฟ้าของพ่อของเขา ทำให้ครอบครัวไอน์สไตน์ย้ายจากเมืองมิวนิค ไปยังเมืองพาเวีย (ใกล้กับเมืองมิลาน) ประเทศอิตาลี ในปีเดียวกัน เขาได้เขียนผลงานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่งขึ้นมา (คือ “การศึกษาสถานะของอีเธอร์ในสนามแม่เหล็ก”) โดยที่ไอน์สไตน์ยังอาศัยอยู่ในบ้านพักในมิวนิคอยู่จนเรียนจบจากโรงเรียน โดยเรียนเสร็จไปแค่ภาคเรียนเดียวก่อนจะลาออกจากโรงเรียนมัธยมศึกษา กลางฤดูใบไม้ผลิ ในปี พ.ศ.2438 หมายถึงเขาจะไม่ได้รับใบรับรองการศึกษาชั้นเรียนมัธยม แม้ว่าเขาจะมีความสามารถชั้นเลิศในสาขาวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่การที่เขาไร้ความรู้ใดๆ ทางด้านศิลปศาสตร์ ทำให้เขาไม่ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันเทคโนโลยีแห่งสมาพันธรัฐสวิสในเมืองซูริค เขาสำเร็จการศึกษาและได้รับใบอนุปริญญาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2439 และสอบเข้า ETH ได้ในเดือนตุลาคม ในปีเดียวกันเขากลับมาที่บ้านเกิดเพิกถอนภาวะการเป็นพลเมืองของเขาในเวอร์เทมบูรก์ ทำให้เขากลายเป็นผู้ไร้สัญชาติ

ใน พ.ศ.2443 เขาได้รับประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสมาพันธรัฐสวิส และได้รับสิทธิ์พลเมืองสวิสในปี พ.ศ.2444

เขาได้งานทำที่สำนักงานสิทธิบัตรในกรุงเบิร์น หน้าที่ตรวจประเมินใบสมัครของสิทธิบัตรในหมวดหมู่อุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้า บรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำ หลังจากถูกมองข้ามมานานจนกระทั่งกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจักรกล

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ ไอน์สไตน์แทบจะไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวใดๆ ทางฟิสิกส์เลย งานที่สำนักงานจะเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการส่งสัญญาณไฟฟ้าและการซิงโครไนซ์ทางเวลาระหว่างระบบไฟฟ้ากับระบบทางกล เป็นจุดสนใจของการทดลองนำให้ไอน์สไตน์ไปสู่ผลสรุปอันลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและความเกี่ยวพันระหว่างอวกาศกับเวลา

ในเวลานั้นใน Annalen der Physik ซึ่งเป็นวารสารทางฟิสิกส์ชั้นนำของเยอรมันตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับธรรมชาติเฉพาะตัวของแสง นำไปสู่แนวคิดที่ส่งผลต่อการทดลองที่มีชื่อเสียง คือปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และบทความเกี่ยวกับอิเล็กโตรไดนามิกส์ของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่เป็นกำเนิดของ “ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ” ผลสืบเนื่องจากแนวคิดนี้รวมถึงกรอบของกาล-อวกาศของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่จะช้าลงและหดสั้นลง (ตามทิศทางของการเคลื่อนที่)

ไอน์สไตน์ปรับปรุงสมการสัมพัทธภาพพิเศษของเขาจนกลายมาเป็นสมการอันโด่งดังที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือ E = mc2 ซึ่งบอกว่า มวลขนาดเล็กจิ๋วสามารถแปลงไปเป็นพลังงานปริมาณมหาศาลได้ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดการพัฒนาของพลังงานนิวเคลียร์

ปี พ.ศ. 2449 สำนักงานสิทธิบัตรเลื่อนขั้นให้ไอน์สไตน์เป็น Technical Examiner Second Class แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งงานด้านวิชาการ ปี พ.ศ.2451 เขาได้เข้าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเบิร์น พ.ศ.2453 เขาเขียนบทความอธิบายถึงผลสะสมของแสงที่กระจายตัวโดยโมเลกุลเดี่ยวๆ ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นการอธิบายว่า เหตุใดท้องฟ้าจึงเป็นสีน้ำเงิน

ระหว่าง พ.ศ.2452 ไอน์สไตน์ตีพิมพ์บทความ พัฒนาการของมุมมองเกี่ยวกับองค์ประกอบและหัวใจสำคัญของการแผ่รังสี ว่าด้วยการพิจารณาแสงในเชิงปริมาณ ไอน์สไตน์ได้แสดงว่า พลังงานควอนตัมของมักซ์ พลังค์ จะต้องมีโมเมนตัมที่แน่นอนและแสดงตัวในลักษณะที่คล้ายคลึงกับอนุภาคที่เป็นจุด บทความนี้ได้พูดถึงแนวคิดเริ่มต้นเกี่ยวกับโฟตอน และให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับความเกี่ยวพันกันระหว่างคลื่นกับอนุภาค ในวิชากลศาสตร์ควอนตัม

พ.ศ.2454 ไอน์สไตน์ได้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยซูริค ที่มหาวิทยาลัยชาร์ลส์-เฟอร์ดินานด์ ของเยอรมันที่ตั้งอยู่ในกรุงปราก ที่นี่ไอน์สไตน์ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับผลกระทบของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อแสง ช่วยแนะแนวทางแก่นักดาราศาสตร์ในการตรวจสอบการหักเหของแสงระหว่างการเกิดสุริยคราส ไปยังนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

พ.ศ.2455 ไอน์สไตน์กลับมายังสวิตเซอร์แลนด์ เขาได้พบกับนักคณิตศาสตร์ มาร์เซล กรอสมานน์ ซึ่งช่วยให้เขารู้จักกับเรขาคณิตของรีมานน์และเรขาคณิตเชิงอนุพันธ์ จึงได้เริ่มใช้ประโยชน์จากความแปรปรวนร่วมเข้ามาประยุกต์ในทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของเขา ในปลายปี พ.ศ.2458 ไอน์สไตน์จึงได้เผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปซึ่งยังคงใช้อยู่ตราบถึงปัจจุบัน ทฤษฎีนี้อธิบายถึงแรงโน้มถ่วงว่าเป็นการบิดเบี้ยวของโครงสร้างกาลอวกาศโดยวัตถุที่ส่งผลเป็นแรงเฉื่อยต่อวัตถุอื่น

งานวิจัยของไอน์สไตน์หลังจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปมีหัวใจหลักอยู่ที่การพยายามทำให้ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง สามารถอธิบายคุณสมบัติของแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ปี พ.ศ.2493 เขาได้พูดถึงแนวคิดเรื่อง “ทฤษฎีแรงเอกภาพ” ในความพยายามของไอน์สไตน์ที่จะรวมแรงพื้นฐานทั้งหมดเข้าในกฎเดียวกัน เขาได้ละเลยการพัฒนากระแสหลักในทางฟิสิกส์ไปบางส่วน ที่สำคัญคือแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มและแรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจมากนัก ขณะเดียวกันแนวทางพัฒนาฟิสิกส์กระแสหลักเองก็ละเลยแนวคิดของไอน์สไตน์เกี่ยวกับการรวมแรงเช่นเดียวกัน ครั้นต่อมาความฝันของไอน์สไตน์ในการรวมกฎฟิสิกส์ทั้งหลายเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงจึงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญต่อแนวทางศึกษาฟิสิกส์ยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อทฤษฎีแห่งสรรพสิ่งและทฤษฎีสตริง ขณะที่มีความตื่นตัวมากขึ้นในสาขากลศาสตร์ควอนตัมด้วย

ราวคริสต์ทศวรรษ 1920 มีการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัมให้เป็นทฤษฎีที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไอน์สไตน์ไม่ค่อยเห็นด้วยนักกับการตีความโคเปนเฮเกนว่าด้วยทฤษฎีควอนตัม ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย นีลส์ บอร์ กับ แวร์เนอร์ ไฮเซนแบร์ก ซึ่งอธิบายปรากฏการณ์ทางควอนตัมว่าเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น ที่จะส่งผลต่อเพียงอันตรกิริยาในระบบแบบดั้งเดิม มีการโต้วาทีสาธารณะระหว่างไอน์สไตน์กับบอร์สืบต่อมาเป็นเวลายาวนานหลายปี

ไอน์สไตน์ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับรู้เกี่ยวกับการอธิบายถึงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ในทฤษฎีควอนตัม ในปี พ.ศ.2478 เขาค้นคว้าเพิ่มเติมในประเด็นเหล่านี้ร่วมกับเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน คือ บอริส โพโดลสกี และ นาธาน โรเซน และตั้งข้อสังเกตว่า ทฤษฎีดังกล่าวดูจะต้องอาศัยอันตรกิริยาแบบไม่แบ่งแยกถิ่น

สิ่งที่ไอน์สไตน์ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของบอร์เกี่ยวพันกับแนวคิดพื้นฐานในการพรรณนาถึงวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้การโต้วาทีระหว่างไอน์สไตน์กับบอร์จึงได้ส่งผลสืบเนื่องออกไปเป็นการวิวาทะในเชิงปรัชญาด้วย

พ.ศ.2465 ไอน์สไตน์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2464 ในฐานะที่ “ได้อุทิศตนแก่ฟิสิกส์ทฤษฎี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบกฎที่อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก” ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงงานเขียนของเขาในปี 2448 “โดยใช้มุมมองจากจิตสำนึกเกี่ยวกับการเกิดและการแปรรูปของแสง” แนวคิดของเขาได้รับการพิสูจน์อย่างหนักแน่นจากผลการทดลองมากมายในยุคนั้น…

เชื่อกันมานานว่าไอน์สไตน์มอบเงินรางวัลจากโนเบลทั้งหมดให้แก่ภรรยาคนแรก คือมิเลวา มาริค สำหรับการหย่าขาดจากกันในปี พ.ศ.2462 แต่จดหมายส่วนตัวที่เพิ่งเปิดเผยขึ้นในปี พ.ศ.2549 บ่งบอกว่าเขานำไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา และสูญเงินไปเกือบหมดจากเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่…เขาไม่ใช่อัจฉริยะทางธุรกิจ ไอน์สไตน์เดินทางไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรก เมื่อ 2 เมษายน พ.ศ.2464

4235
สุดยอดเลย น้องเปิล...ป่านนี้ยังไม่หาเบอร์ น้องเปิลเจอเลย...อิอิ    ....เอานะขอให้ท่านที่กำลังถอดรูทกันอยู่...ถอดให้ดีละอย่าไปถอด ..รูดซิปน้องเปิลละกัน   อิอิ(บอกรุ่น คาสิโอมาเลย  น้องจ๋า   อิอิ)  จบข่าว :D :D :D :D
<a href="http://www.youtube.com/v/nEqPJDPc48g" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/nEqPJDPc48g</a>

4236
ขอไทยเรายังเเรง..ฝากบอกไปถึงคณะวิจัยหน่อยนะครับ...ให้กลับมาทำวิจัยกันใหม่..ข้อมูลที่ได้ ไม่อัพเดท...ภาพจาก นสพ เดลินิวส์ ยืยยันได้ครับ  ...จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D
ปล  ดูเอาเองว่า คนแถวนี้ หรือ ยุโรป   อิอิ...แม่ให้มา..สุดยอดๆๆๆๆ

4237
ห้องสภากาแฟและอื่นๆ / Re: วิธีทำให้สาวหลง
« เมื่อ: เมษายน 21, 2014, 06:25:00 AM »


ดูข่าวจาก นสพ เดลินิวส์  แล้วเศร้าครับ...รายนี้เกิดที่เมืองจีน ..ไมทราบใครหลงใคร  แต่ที่แน่ ตายไปหนึ่ง...เรื่องพรรนี้ มันยากที่จะอธิบายเป็นสูตรคณิตศาสตร์ นะครับ....นี่หนุ่มหน้าตาดี ท่านนี้ เมียหมวยสวยราวกับดาราหนังจีน...ยังฆ่าได้ลงคอ..ได้ข่าว่า รวยทั้งคู่...ขอปรบมือให้กับศาลจีน  ครับ...ประเทศจีนคนจะล้นประเทศอยู่แล้ว..คนไม่ดีไม่ควรอยู่ให้สังคมเขาเดือดร้อน...เพราะถ้ามันเคยทำออกจากคุกมามันก็ทำอีกครับ  ถือมีประสบการเเล้ว   เรื่องทำให้คนตายเป็นเรื่องปกติ..น้านมันคิดอย่างนั้นเลยนะครับ  พี่น้อง....แต่มันจะเสียจริตตอนวิญญาณ มาเยี่ยมมันในฝัน  แหละ   อิอิ...บ้าไปเลยก็มีครับ...สิ่งนี้ไม่มีใครช่วยมันได้  เพราะมันฝันไปเอง...เวรกรรมมีจริง...จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล
     ซินหัว/ASTVผู้จัดการ – อุทธาหรณ์ความหึง! ศาลจีนมณฑลเจียงซู ตัดสินประหารชีวิตไอ้หนุ่มลูกเศรษฐี คดีหึงหวงก่อเหตุจ้วงแทงภรรยาสาวสวยวัย 22 ปีจนถึงแก่ความตายกว่า 30 แผล ทั้งๆ ที่เพิ่งมีลูกสาววัยเพียง 3 เดือนด้วยกัน
       
       บ่ายวันศุกร์ที่ 18 เมษายน ศาลอุทธรณ์มณฑลเจียงซู เมืองหนานจิง (นานกิง) ได้อ่านคำพิพากษาคดีฆาตกรรมอื้อฉาว โดยผู้ต้องหาคือ นายจี๋ ซิงเผิง วัย 25 ปี เศรษฐีหนุ่มซึ่งราวหนึ่งปีก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2556 ได้ก่อคดีฆาตกรรมภรรยาแซ่ฉี วัย 22 ปี ด้วยความหึงหวง
       
       เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 25 เมษายน ปีที่แล้ว หลังจากนายจี๋เมามายกลับบ้านซึ่งตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านซีตีกั๋วจี้ เขตเจี้ยนเย่ เมืองหนานจิง เนื่องจากเกิดความสงสัยว่าภรรยาสาวสวยแซ่ฉีนอกใจจึงเกิดมีปากเสียงกัน จนนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย และเหตุฆาตกรรม โดยสามีหนุ่มหยิบมีดมาจ้วงแทงภรรยาอย่างบ้าคลั่งราว 20-30 แผลจนถึงแก่ชีวิต โดยที่น่าเศร้าก็คือทั้งคู่เพิ่งมีลูกสาวอายุได้เพียง 3 เดือน
       
       คดีดังกล่าวเป็นเรื่องราวใหญ่โตในเมืองจีนเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากนายจี๋นั้นเป็นลูกของมหาเศรษฐีของเมืองจีน ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรูหราหลายแห่ง ทั้งนายจี๋ยังเป็นสมาชิกของชมรมหนานจิง FSC ซูเปอร์คาร์ ซึ่งมีชนชั้นสูงของจีนเป็นสมาชิกจำนวนมาก โดยสามีภรรยาคู่นี้รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม แม้จะมีเสียงนินทากันมาตั้งแต่ต้นว่าหญิงสาวแต่งงานกับชายหนุ่มก็เพราะความร่ำรวยของครอบครัวฝ่ายชาย แต่เพื่อนๆ ของทั้งคู่ก็ยืนยันว่า ฝ่ายทางบ้านของผู้หญิงก็ไม่ได้ยากจนอะไร และทั้งคู่แต่งงานกันเพราะหนุ่มลูกเศรษฐีเอาอกเอาใจแฟนสาวเป็นอย่างดีต่างหาก
       
       ทว่า หลังจากแต่งงานกันและเพิ่งมีลูกได้ไม่นาน ฝ่ายชายกลับเกิดความหึงหวงต่อภรรยาตัวเอง และเกิดความสงสัยว่าลูกที่เพิ่งคลอดนั้นไม่ใช่บุตรของตน จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมขึ้น ทว่าภายหลังกลับมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอและยืนยันแล้วว่าบุตรสาวที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นบุตรของทั้งคู่จริง
       
       ก่อนหน้านี้ในการสืบพยานโดยศาลอุทธรณ์เมืองหนานจิงเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 ฝ่ายผู้ต้องหา นายจี๋ ซิงเผิงได้เบิกความว่า เหตุที่ตนทำลงไปนั้นก็เพียงเพื่อป้องกันตนเอง โดยไม่มีความตั้งใจจะสังหารภรรยาแต่อย่างใด ทว่า ทางอัยการโต้แย้งว่าจากหลักฐานและพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ทั้งคดีนี้ยังเป็นคดีอื้อฉาวที่เป็นที่จับตาของสังคม อีกทั้งคำให้การของผู้ต้องหาระหว่างการสืบสวนสอบสวนในชั้นต้น กับคำให้การระหว่างขึ้นศาลก็กลับไปกลับมา ไม่ตรงกัน โดยอ้างว่าคำให้การก่อนหน้านั้นที่ให้การเพราะถูกกดดัน ด้วยเหตุนี้อัยการจึงเรียกร้องให้ศาลพิจาณาลงโทษสถานหนักแก่นายจี๋
       
       กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 เม.ย.) ศาลอุทธรณ์มณฑลเจียงซูจึงพิพากษาให้ประหารชีวิตนายจี๋ ซิงเผิง เนื่องจากมีพฤติกรรมจงใจฆ่าคน ทว่าคดีมีเหตุให้รอลงอาญาไว้ก่อน 2 ปี โดยในช่วง 2 ปีนี้ หากนายจี๋ไม่ได้ก่อความผิดคดีอาญาอื่นใดเพิ่มขึ้นมาอีกก็อาจจะได้ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังพิจารณาตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และนายจี๋ต้องเสียค่าชดเชยเป็นค่าเดินทางให้กับทนายฝ่ายผู้ร้องคดีอีก 2 พันหยวน (ราวหนึ่งหมื่นบาท)


4238
วันนี้ มีคลิป...มาฝาก  ...ที่จริงก็ไม่ได้สนใจในเนื้อหาที่ คนขี่ จยย  ..เถียง ตร จร  หรอกนะครับ...และก็ไม่เห็นใจ คนขี่จยย  แต่เห็นใจ ตร จร  แทนครับ...คือ เขาคงไปจอด รถ จยย ในที่ห้ามจอดจริงๆ..แล้วตร จร  เขา มาเขียนใบสั่ง...การเขียนใบสั่งเขา ก็ต้องขอใบขับขี่ จาก ผู้ขับขี่นะถูกแล้ว...แต่คนขี่ จยย  ..กลับไป บอกว่า ..ตร จร..ตั้งด่าน ไม่มี ป้าย...แบบนี้เขาไปต้องตั้งด่านหรอก มันหน้าที่ที่เขาจับได้เลย..(เอาอีกข้าหา นะหมวด พูดจา ไม่น่ารัก )..มีหมวกกันน๊อค มีใบขับขี่..จะจับอะไร...มันยังไม่รู้ว่ามันผิด...มีสองอย่างนะถึงจะมีสิทธิ ขี่ จยย บนถนนหลวง...(ทำเป็น ฉลาด ปิดเทอมหาเงิน ช่วยทางบ้าน พูดไปเรื่อย..เรียน ที่ไหนนี่..)...โธ่..จับทุกวันก็แย๋สิ...ก็ผิดทุกวันจับทุก ถูกแล้ว...จะใหตีความให้ฟัง อีกหรือไง...แต่ที่กล้าเถียง เข้าใจว่า หมอ มีกล้องถ่ายคลิป  แล้วเอาลงในยูทูป  ..คนแห่ไปกดไลท์...น่าผิดคาดนะครับ...เดี๋ยวคงโดน เพราะเปล่อยความฉลาดออกมาหลายช๊อต...มีเเบบนี้ในประเทศ นี้ ...เยอะๆ  ...น่าจะดีนะครับ   อิอิ...
แต่ในคลิปนี้ ตร จร  .ใช้ หมวกผิดวิธีครับ...จะเห็นสายรัดหมวก  ของ หมวดมั๊ยครับ..แกว่่งไป แกว่งมา...อันนี้ ผิดการใช้หมวก...แต่ยังไม่ผิดกฏ จร  เพราะยังไม่ได้ขับขี่ จยย  ครับ..เรียกว่า เเต่งตัวยังไม่เสร็จ...แตเจ้าของคลิป ผิดเต็มๆเพราะจอดในที่ห้ามจอด...(ใบขับขี่ซื้อหรือ เป่า ..น่าเบื่อ)...จบข่าว :D :D :D :D :D

<a href="http://www.youtube.com/v/X3W2nvaqTZs" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/X3W2nvaqTZs</a>

4239
ทะลุจริงๆครับ ท่าน อาจารย์ ssuebsak...นี่ถ้าคนกันเองเขามาชมมาตอบ..ก็ไม่น่าเกิน สามพันนะครับ...ที่เหลือ อีกเป็น หมื่นกว่า นั้นคือ ..เหล่าสมาชิกผู้ มีสูขภาพเเข็งแรง จริงๆครับ...ว้าว  แถม ท่านเจ้าของกระทู้ตั้งชื่อสูตรโบราณอีก  ว้าว...ความขลังเริ่มมา..เป็นของที่คนโบราณ ได้ใช้กันมานานและมีคุณภาพจริงครับ...ทำเองได้ด้วย...สุดยอด....เเหม่ท่าน อาจารย์ไม่ลองทำ ไวน์สูตรนี้ ออกขาย ท่านสมาชิกบ้าง ก็ไม่เลวนะครับท่าน    ควบคู่กับ เครื่องพิมพ์ เลเซอร์ของ ท่าน ซื้อเครื่องหนึ่งเครื่อง แถม ...1 ขวด 750mL...ใช้ดี ขวดต่อไปราคา สมาชิก...อิอิ...จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D

4240
เรื่องนี้ ของประเทศเกาหลีไม่ได้เกี่ยวกับ คอร์รับชั่นนะครับ  แต่เป็นเรื่องของผลงานด้านวิศวกรรม กับคนใช้ผลงานครับ...
..ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของผู้โดยสารทุกท่าน  ขอจงสู่สุคติ...
จากเหตุการนี้ หลายคนสงสัยว่า...เกิดขึ้นได้อย่างไร ..เป็นเรื่องยาว  ที่ต้องสอบสวนกัน  แต่ที่แน่ๆ ..คนขับเรือ หรือว่า กัปตัน  โดนหิ้วปีก ข้อหา 5 กระทง...ตามข่าวหลายสำนัก บอกว่า กัปตันเเจ้งขอความช่วยเหลือช้า เป็น ชม...เลยทำให้มีผู้เสียชีวิตมากครับ...ที่จริงโลกปัจจุบัน เท๕โนโลยีสื่อสารฉับไว  ไม่น่าให้เกิดนะครับ...เป็น ชม  นี่มันเกินไปจริง..ถ้าบ้านเราจะถามว่า..มึงทำสากกะเบือ ..อะไรอยู่ไอ้กัปตัน...ใบขับขี่ซื้อหรือเป่าาาา...เห็นขนาดเราอยู่ห่างไกลยังของขึ้นเลย..นี่ถ้าอยู่ใกล้ สงสัย ..ทืบ..จมทะเล..ว้าว...อิอิ....ที่จริงมันควรจะเอาเรือ สำรอง ลงได้เเล้ว  ไม่เห็นมีสักลำเลย...นี่มัน ปล่อยให้เรือพลิกคว่า จมดิ่ง..เฮ้อ...กลุ้ม...บางทีเหตุการแบบนี้มันน่าจะมีคนแหกกฏ เเจ้งด่วนได้ไม่ต้องไป รอ กัปตันสากกะเบือ หรอก...เหมือน..บางเรื่องที่ผู้นำเผ่าแล้วเห็นว่าไม่ถูกไม่ควร ก็  จัดการกันได้เลย..จะมานั่งยึกกฏกติกามารยาท อยู่ได้  ..คนตายแบบนี้ ไม่ต้องไปรักษากฏ ห่ากฏเหว อะไทั้งนั้น  ..รักษาชีวิตของคน ไว้คือ สิ่งที่ถูกต้อง...เพราะกฏก็คเป็นคนสร้างขึ้นมา...แต่คน สร้างยากนะครับ...การเกิด การจากไปของคนๆหนึ่ง..สร้างทั้งความดีใจ และเสียใจอย่างที่เราเคยเห็นกันมาแล้ว...พวกนี้บางทีก็อยากจะเรียกว่า..พวกคนป่ามีปืน..จริง...เรื่องโง่ๆๆ..ละฉลาด จริงๆๆๆ...ขอให้มันไปไวๆ..เถอะพวก..เกิดมารกบ้านรกเมือง...เฮ้อ
...วันนี้ พล่ามยาวหน่อย...เจ็บใจที่มันปล่อยให้ เด็ก ตายจำนวนมาก...แต่เป็นเหตุการที่คนแถวนั้นเขามีความรับผิดชอบ จริงๆคือ ข่าว ที่ ท่าน รอง ผอ โรงเรียน  ที่พา นร ไปทัศนศึกษา....ลาโลกไปพร้อม ลูกศิษย์..ด้วย สปิรต อันสูงส่งของท่าน  และคนแถวนั้น  ..มิน่า ประเทศเขาถึงได้เจริญ ล้ำหน้ากว่าประเทศแถวนี้  ที่มีแต่ สปิริต  แห่งหารโกงชาวบ้น ...โกงแล้วรวย...ขอให้พวกมันซวยทั้งโคตร..เเบบนันสต๊อปเซอร์วิส  ละกัน...เวรกรรมมีจริง  สิ่งที่มองไม่เห็นมีจริง(ไม่ใช่มือทีมองไม่เห็นนะครับ  อิอิ)...เร้นลับ(ไม่ใช่ของลับละกัน  ..เป็นไร  อาวุธลับ..เย๊ย   อิอิ)...จบข่าว :D :D :D :D :D :D
ปล ภาพ จาก นสพ ไทยรัฐ..ข่าวจาก นสพ มติชน
เผยเหตุรองผอ.โรงเรียนเกาหลีผูกคอตาย หนีเครียด หลังญาติผู้โดยสารเรือล่มด่าทอ- ไล่พ้นศูนย์พักพิง



นายกัง มิน กิ่ว อายุ52ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมอันซาน ดันวอน หนึ่งในผู้รอดชีวิตกลุ่มแรกจากเหตุเรือเฟอร์รี่"เซวอล"ของเกาหลีใต้ล่มกลางทะเลเหลือง ใช้เข็มขัดแขวนคอเสียชีวิตใต้ต้นไม้ใกล้โรงยิมนีเซียม บนเกาะจินโด ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวของญาติผู้โดยสารเรือ

ตำรวจสันนิษฐานว่า นายกังอาจเกิดความเครียดเนื่องจากบรรดาญาติๆผู้โดยสารพากันวิพากษ์วิจารณ์และไล่ออกจากโรงยิมฯ

ข่าวแจ้งว่า ทีมค้นหาผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ในเรือเซวอล ส่งนักประดาน้ำลงไปในชั้นที่สองของลำเรือซึ่งเป็นห้องเก็บสัมภาระ แต่ปรากฎว่ากระแสน้ำใต้ทะเลแรงมาก นักประดาน้ำต้องรีบขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้การค้นหาผู้โดยสารล้มเหลวอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเชื่อว่า ผู้โดยสารราว 270คนที่ติดค้างในเรือยังคงอยู่ภายในส่วนใดส่วนหนึ่งของลำเรือ แต่การค้นหาต้องเร่งปฎิบัติการอย่างรวดเร็วเนื่องจากอากาศภายในเรือเหลือน้อยมาก


<a href="http://www.youtube.com/v/xxc8msCV-Ps" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/xxc8msCV-Ps</a>


4241
สวัสดีครับ ท่าน อดุลย์
แหม่ ..กระเเสตอบรับกระทู้แห่งสูขภาพ..ล้นหลาม...เพจวิว  ทะลุ  20000  ไปแล้วครับ  พี่น้อง...เลยนำตัวเลขของสำนักฯที่บันทึกมาให้ชมเป็นที่ยืนยันครับ...ตามติดกระทู้ ของ ท่าน jubu  ...ท่านorawan...ว้าว...เพจวิว..ทะลุ หมื่น เพจวิว ไปแล้วจร้าาาาาา......เป็นข้อพิสูจน์ว่า ..ช่างและวิศวกร ของเรา..นอกจากวิชาการที่แน่นหนักแล้ว...ยังสนใจในเรื่องอื่นๆอีก..ดีครับ   มีอะไรที่จะมาเล่าให้กันฟังเเบบผ่อนคลายมีสาระที่ไม่ต้องมี สูตรคณิตศาสรตร์ยั๊วะเยี๊ยะ เต็ม จอ ละก้อ ...มากันได้เลยครับ  พี่น้อง..ขอปรบมือให้ท่าน..อดุลย์ ที่นำร่องเปิดประเด็นค้นพบ ความจริงในบางเเง่มุน ของ เหล่าช่างและวิศวกร ของประเทศนี้ครับ  ...สุดยอด   จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล มี กระทู้น้องเปิล บอกเบอร์ โทร เป็นสูตรคณิตศาสตร์ อยู่นา เดี๋ยวจะไปเยี่ยมน้องเปิล  จร้าาาาา(หัวจะดีตรงสเป็คน้องเปิล เป่า   อิอิ)

4242
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ท่านyommatood
สนุกสนานกันเต็มที่ครับ...หยุดยาว...ท่านก็คงสนุกเช่นกันนะครับ...หลังปีใหม่ไทย ชาวไทยคงได้อะไรใหม่ ให้เป็นของขวัญมั่งนะครับ  ที่เก่าๆปีที่แล้ว ถ้ามันไม่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ดีขึ้น ก็ไปได้เเล้วนะครับ ..เฮ้อ   จบข่าว :D :D :D :D :D :D
ปล สาวบ้านแต้ ไปแล้วนะจ๊ะ..แล้วอีน้องสาวขี่รถโฟxxxจะไปกันหรือยังละจ๊ะ   อิอิ

<a href="http://www.youtube.com/v/ASWLYAnWrLs" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/ASWLYAnWrLs</a>


4243
ขอขอบคุณ ท่าน อาจารย์ssuebsakครับ  ที่ได้ค้นหา คลิปดีๆมาให้ชม..ชมแล้วทึ่ง จริงๆครับ..ความสามารถของนักประดิษฐและงิจัยของ ฝรั่งนี่ เขา สุดยอด จริงๆ...หลายคนเถียง ว่าเราที่เก่งที่สุดในโลก  ใช่ครับ...เเต่ว่าไม่บอกว่าเก่งอะไร   อิอิ.....จริงแล้ว บรรพบุรุษของเขา รุ่นสู่รุ่น สร้างความเก่งนี้ไว้ให้ลูกหลานของเขาครับ...ดูแต่พี่น้องตระกูลไรต์ สิครับ ช่างซ่อมจักรยานแท้  ยังสร้างเครื่องบินได้..จนเราได้ใช้มาจนทุกวันนี้ แล้ว ถ้าพี่น้องตระกูลไรท์ไม่สร้าง  แล้วมันจะมีเครื่องบินใช้กัน อะเป่าครับ...มีครับใช้โคมลอย(บอลลูน)  หลายๆอัน ผูกรวมกัน..อิอิ.(คนเดียวเหอะ..อิอิ)...แต่ว่าของเราก็รุ่นสู่รุ่นเหมือนกันครับ  โกงเเล้วรวย..อิอิ.บอกกันเป็นนโยบายตระกูลเลยที่เดียว สำหรับบางตระกูล...สุดยอด     จบข่าว    :D :D :D :D :D :D

<a href="http://www.youtube.com/v/DPqVxrJWZYY" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/DPqVxrJWZYY</a>

4244

เมื่อมีรถแล้วต้องใช้แบบถูกกฏนะครับ...ที่เอามาให้ชม เพราะ จะมองเห็นความสำคัญของสายรัดครับ...ตร จร เห็นบ่อยนะครับ ขี่ จยย ไมรัดสายปล่อยให้สาบ สะบันไปสะบันมา  เทห์ ไปอีกแบบ  อิอิ   จบข่าว :D :D :D :D


<a href="http://www.youtube.com/v/lN1veyFcFns" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/lN1veyFcFns</a>

4245
Love will be more and more when you take honey banana wine every day.....เป็นข้อความที่ประกาศศักดา ยาไทยไปสู่ชาวโลก  เรียกว่า..โกอินเตอร์...สุดยอด   .อย่างท่าน อาจารย์ใหญ่บอกมาแหละ..โกเฟส  กันแล้ว  ..ก็นับว่า กระทู้นี้ แรงจริงๆครับ  พี่น้อง...ขออนิสงค์ แห่งความดีนี้ กลับสู่ ทุกท่าน ที่เกี่ยวข้องและสนับสนุน ..เพื่อสูขภาพของชาวประชาครับ...โดยเฉพาะ ท่าน อดุลย์  เจ้าของกระทู้  ท่านอาจารย์ssuebsak ผู้ทดสอบและทดลอง ยืนยันผลแห่ง สรรพคุณ ที่เชื่อถือได้...ใน honey banana wine ...ว้าว   ที่นี่คือ ต้นตำหรับ  แห่งสุดยอดไวน์ไทย ขวัญใจ ท่าน สว  ทุกท่าน .จร้าาาา...... ขอปรบมือให้  ครับ   ....พลับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D :D
ปล..มันต้องยั่งงี้ สิ พ่อหนุ่ม  สองเลย  อิอิ

หน้า: 1 ... 281 282 [283] 284 285 ... 405