วันก่อน ตรุษจีน ..ท่านอธิบดีฯมาบอก สรรพคุณ กล้วยน้ำว้า ..วันนี้ มาอีกแนว..ต่อไปน่าจะมี มีไวน์กล้วยน้ำว้า ..สูตรพลังป๋ากระทืบโลง ..เย๊ย..โรง อิอิ มาผลิตขายกันนะครับ รอ ..เดี๋ยวมี เเนวร่วมกันกัน เยอะ ..ตั้งสหกรณ์ ทำขายกันเลยครับ หาทุน ตั้งพรรตวิศวกรไทย..ดีเป่า..พรรคน่าจะเเข๊งโด่ง..เย๊ย..เเรงนะครับ ..ก้อระดับ ตั๊กม้อแห่งวงการ วิศวกรรม ทั้งน้านนนนนนน...ขอฝากผลงาน กันหน่อย..พวก โกงแล้วรวยไปแล้ว ..เหลือเเต่ พวก เก่งแล้วรวย ..อย่าง ท่านทั้งหลาย นี่ แหละ(ขอถามตัวแก่ หน่อยนะ..ท่านทั้งหลาย..เอ้า..เป็นงั้นไป.ไม่ต้องถาม...ส่งการบ้าน สม่าเสมอ ผ่านอยู่แย้ววววววว อิอิ)(การบ้าน ที่ลอกมาทั้งนั้น..จากคลิป เย๊ย เป่า)(โจทย์เก่า เฮ้อ) จบข่าว
“กล้วยตาก” นับเป็นสินค้าประเภทของฝากที่อยู่คู่ จ.พิษณุโลก มายาวนาน มีผู้ประกอบกิจการหลายราย หนึ่งในนั้นที่สร้างชื่อคือ “เจนวิทย์ จันทรา” ชายหนุ่มวัย 37 ปี เจ้าของ “นิตยากล้วยตาก” ซึ่งตั้งอยู่ที่ 59 ม.7 ต.บางกระทุ่ม อ.บางกระทุ่ม
ตั้งแต่รุ่นก๋ง ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขายกล้วยสดในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงโดยทางรถไฟ ต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นพ่อแม่ก็ยังยึดอาชีพนี้อยู่ ทว่า การขนส่งที่ใช้เวลานาน ทำให้ผลผลิตถึงมือผู้บริโภคช้า บางส่วนเน่าเสีย จึงเป็นที่มาของกล้วยตากวิธียืดอายุกล้วยให้ได้นาน ที่ต่อมานำใส่ถุงขายในชุมชนละแวกบ้าน
ต่อเมื่อพ่อแม่ถอยห่างออกมา เพราะสังขารเริ่มไม่เอื้ออำนวย เป็นเหตุผลให้เจนวิทย์ ต้องยุติการเรียนเพียงแค่ชั้น ม.3 เพื่อออกมาช่วยดูแลกิจการของครอบครัวในฐานะพี่ชายคนโต โดยเฉพาะกิจการกล้วยตาก ที่ครอบครัวได้เริ่มปูทางไว้ให้
ในปี 2546 เขาจึงเข้ารับผิดชอบอย่างเต็มตัว และเดินหน้าพัฒนาอย่างจริงจังด้วยจัดสร้างโรงงานผลิต ผลิตแบรนด์ “นิตยากล้วยตาก” ขึ้นมา ขณะเดียวกันกิจการค้ากล้วยก็ผ่อนลง เหลือเพียงรับซื้อเพื่อการแปรรูปเท่านั้น
"เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับชีวิตผมในช่วงเวลานั้น เพราะไม่มีประสบ การณ์อะไรเลย เคยแต่ช่วยพ่อแม่ขายเท่านั้น …การแปรรูปกล้วยตากให้ได้คุณภาพ จึงเป็นเรื่องใหม่ที่ท้าทายผมมากๆ" เจนวิทย์ ย้อนอดีต
ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย คำกล่าวนี้ เป็นแรงผลักให้เด็กหนุ่มยิ่งขวนขวาย หาภูมิให้กับตนเองในทุกด้าน ทั้งเปิดตำราหาความรู้ ตระเวนขอภูมิจากผู้รู้ เข้ารับการอบรมในสถานที่ต่างๆที่ภาครัฐ เอกชน สถานศึกษาจัดขึ้น เพื่อนำพากิจการ “นิตยากล้วยตาก”ให้ก้าวผ่านช่วงระยะเริ่มต้นไปให้ได้
บทสรุปจากการลุยหาข้อมูลกว่าขวบปี รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะพัฒนากล้วยตากที่ไม่ใช่เพียงแค่การตากกล้วยธรรมดาเหมือนอดีต ในปีถัดมาเจนวิทย์จึงตัดสินใจขยายกิจการโดยทำระบบมาตรฐานการตากกล้วยในโดม ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และเป็นระบบปิด
ขณะเดียวกันการคัดเลือกกล้วยที่มีคุณภาพก็ต้องพิถีพิถันมากขึ้น มีการปรับปรุงรสชาติให้ลงตัว บนพื้นฐานของความสะอาดถูกสุขอนามัย ส่งให้ผลิตภัณฑ์นำร่องวางตลาดใน 2 ชนิด คือกล้วยตากอบแห้งออริจินอลสูตรดั้งเดิม และกล้วยตากอบน้ำผึ้ง ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในเวลาอันรวดเร็ว จนปี 2555 ผลิตภัณฑ์ "นิตยากล้วยตาก" ทั้งสองชนิดก็ได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว ระดับพรีเมี่ยมของ จ.พิษณุโลก
“ต้องบอกว่าการที่ผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัลโอทอป 5 ดาว ทำให้สินค้าแบรนด์เราเป็นที่รู้จักของลูกค้าไปทั่วประเทศ ดูได้จากออเดอร์ที่เข้ามา สัดส่วนกล้วยตากอบน้ำผึ้ง 60% และกล้วยน้ำว้าอบแห้ง 40% โดยเฉพาะเดือนเมษายน,ตุลาคม-มกราคม เป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุด”
จากการตอบรับของลูกค้าเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง ในปี 2557 เจนวิทย์ จึงเพิ่มตัวสินค้ารสชาติอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งกล้วยตากเคลือบช็อคโกแลต กล้วยตากเคลือบสตอเบอรี่ กล้วยตากโดมพาราโบลาร์พลังแสงอาทิตย์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคไม่น้อย หลังจากผลิตภัณฑ์ได้วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้าเทสโกโลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ และอยู่ระหว่างการเจรจาวางจำหน่ายในเซเว่น อีเลเว่น
เมื่อตลาดในประเทศตอบโจทย์ลูกค้าและบรรลุเป้าหมาย แม้เป็นเพียงเบื้องต้นก็ตาม เจนวิทย์จึงเริ่มมองหาช่องทางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เป้าหมายคือกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงชาติตะวันออกกลาง จึงเน้นการผลิตที่ได้มาตรฐานฮาลาล (Halal) การใช้ระบบจีเอ็มพี (GAP) และเอชเอซีซีพี (HACCP) เพื่อเป็นแนวทางประกันคุณภาพสินค้า และยกระดับมาตรฐานการผลิต
พร้อมปรับปรุงกระบวนการผลิต ทั้งแผนการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก สถาบันอาหารและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
“ขณะนี้กล้วยตากของเรา มีส่งออกไปจีนประเทศเดียวออเดอร์ยังไม่มากนัก… และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับ รัสเซีย ฝรั่งเศส จะส่งออกให้ต้นปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกลุ่มชาติอาหรับ เช่นคูเวต ที่ล้วนต้องการผลิตภัณฑ์ในปีหน้าเช่นกัน” เจนวิทย์ แจง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับออเดอร์จากประเทศเหล่านี้ ทั้งในรูปส่งออกและการเป็นผู้รับจ้างผลิต รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปลายปี 2558 อีกทั้ง รองรับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เจนวิทย์จึงได้อัดงบกว่า 10 ล้านบาท สร้างโดมตากพลัง งานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 2 โดม หลังจากของเดิมมีอยู่แล้ว 2 โดม และสร้างห้องเย็นเพิ่มอีก 1 ห้องใหญ่ ที่ขณะนี้ได้เก็บสต๊อกกล้วยน้ำว้าไว้แล้วกว่า 5 หมื่นกิโลกรัม หรือประมาณ 50 ตัน
แม้ “นิตยากล้วยตาก” จะเป็นเพียงแบรนด์ท้องถิ่น ทำรายได้เพียงหลักล้านต่อเดือน ทว่า “เจนวิทย์ จันทรา” มั่นใจว่าสินค้าของเขาจะทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาทในปี 59 นี้
อายุน้อย...ทำเงินล้าน
"เดียร์" เจนวิทย์ จันทรา เป็นชาวเมืองพิษณุโลกขนานแท้ เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ ที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย พ่อแม่คือนายปรีชาศักดิ์ และนาง
นิตยา จันทรา ประกอบอาชีพค้าขายกล้วยสด ต้องตระเวนค้าไปยังพื้นที่อื่นๆทั้งในและนอกจังหวัด...
ภาระหน้าที่ของเขาช่วงนั้น นอกจากเรียนหนังสือแล้ว ก็ต้องคอยดูแลน้องชายอีก 1 คน (จเด็ด จันทรา) แทนพ่อและแม่ในบางโอกาส
ต่อเมื่อวันหนึ่ง พ่อแม่ถึงเวลาต้องวางมือจากกิจการค้า เขาจึงจำต้องหยุดการเรียนไว้เพียงแค่ชั้น ม.3 ที่โรงเรียนพิษณุโลกวิทยาคม เพื่อออกมาช่วยครอบครัว โดยเฉพาะปฐมบทแรกในการรับผิดชอบ แปรรูปกล้วยตากสู่ผลิตภัณฑ์ ในบริบทชีวิตอายุยังน้อย ประสบการณ์ด้านนี้ไม่มีเลย
ทว่า ด้วยเป็นพี่ชายคนโต และเพื่อสานต่อฝันของครอบครัวเขาจึงต้องมุ่งมั่นพากเพียรไฝ่รู้มากขึ้น ด้วยเมื่อมีเวลาว่างจากงาน จึงลงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ จนจบชั้น ม.6 และเข้าต่อที่ราชภัฎพิบูลย์สงคราม กระทั่งรับปริญญาตรี สาขาการตลาด ด้วยเป้าหมายใช้วิชาความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนากิจการครอบครัว
โจทย์ธุรกิจที่ค่อนข้างยาก บวกอายุและประสบการณ์ยังน้อย เจนวิทย์ยอมรับว่าการรับงานช่วงนั้นประสบปัญหามากมาย ทว่า จากการใช้วิชาความรู้ บวกการช่วยเหลือจากภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ทำให้ปัญหานั้นคลี่คลายไปด้วยดี ....
ในเวลาต่อมา ส่งผลให้ "นิตยากล้วยตาก" กิจการของครอบครัวเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างส่วนแบ่งการตลาดแต่ละปีนับสิบล้านบาท
เคล็ดเล็กๆ (ไม่ลับ)
“กล้วยตาก” เพื่อการพาณิชย์ หรือการค้า ไม่ใช่แค่การตากกล้วยธรรมดาๆ แล้วนำบรรจุถุงขายเท่านั้น ความพิถีพิถันในการสรรสร้างความอร่อยมีรายละเอียดอีกมากมายที่ผู้ประกอบการต้องรู้ลึก รู้จริง
โดยเฉพาะวัตถุดิบสำคัญคือ “กล้วย” นั้นจะต้องเรียนรู้ว่ากล้วยชนิดไหนเหมาะสมที่จะนำมาผลิต และชนิดไหนไม่เหมาะสม เฉกเช่น กล้วยที่นำมาผลิต “นิตยากล้วยตาก” ต้องเป็นกล้วยน้ำว้าที่ปลูกจากพื้นราบเท่านั้น และต้องมาจากพื้นที่ 5 จังหวัด คือพิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และนครสวรรค์ ที่ต้องเป็นกล้วยน้ำว้าพื้นราบจากท้องถิ่นเหล่านี้ เพราะมีรสชาติหวาน หอม อร่อย และเนื้อละเอียด ต่อเมื่อนำมาเข้ากระบวนการตากในโดมแสงอาทิตย์อย่างถูกสุขลักษณะ และเวลาที่เหมาะสม จะยิ่งเพิ่มรสชาติความหอมอร่อย นุ่มลิ้น ของกล้วยตากมากยิ่งขึ้น
ส่วนกล้วยน้ำว้าที่ปลูกจากพื้นที่สูง จะไม่เหมาะนำมาผลิต เพราะมีรสชาติออกไปทางเปรี้ยวนิดๆ เนื้อก็จะหยาบกว่า และบางผลพบมีเม็ดประปราย นอกจากเป็นอุปสรรคต่อความอร่อยแล้ว กระบวนการผลิตก็ยุ่งยากตามไปด้วย
ฉะนั้น เครื่องมือสำหรับการจะตรวจสอบว่ากล้วยน้ำว้า ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตมาจากพื้นที่ใดนั้น .. ความซื่อสัตย์ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ระหว่างเกษตรกร และผู้ผลิตเป็นดัชนีชี้วัดได้ดีที่สุด