นายปกครอง
เมื่อไม่นานมานี้ “โครงการรถคันแรก” ครึกครื้นกันมากมายเหลือเกิน ที่ประชาชนจำนวนมากไปหลงมนต์เสน่ห์ของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่โปรยยาหอมให้กับประชาชนได้หลงใหล เพราะคิดว่าเป็นเรื่องดี ที่สนับสนุนให้ประชาชนมีรถใช้เหมือนเศรษฐี
มาถึงเวลานี้ ประชาชนที่ติดเหยื่อโครงการ “ยิ่งลักษณ์” จำนวนมาก คงจะรู้แล้วว่า โครงการรถคันแรกล้มเหลว ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ตั้งแต่ “ผู้ซื้อ”ยัน “ผู้ขาย”หรือค่ายรถต่างๆ ได้รับผลกระทบกันเป็นจำนวนมาก
มาชำแหละกันดูว่า “ผู้ซื้อ”ได้รับผลกระทบอย่างไรกันบ้าง
“ครอบครัวล่มสลาย” การซื้อรถของประชาชนแต่ละคันนั้น ส่วนมากจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา เป็นหนี้ไฟแนนซ์ แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเงิน 100,000 บาทก็ตาม
หลายครอบครัวที่ใช้สิทธิโครงการนี้ เป็นหนี้ เป็นสินอื่นๆ อยู่บ้างแล้ว เช่น กู้มาซื้อบ้าน ผ่อนหนี้นอกระบบ ผ่อนค่าเทอมลูก สารพัดผ่อน ทำให้ครอบครัวสาหัสกันอยู่แล้ว เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ทำให้หนี้สินเพิ่มมากขึ้น
“หลายครอบครัวถึงกับล่มสายเลยก็มี”
หลายคนที่เป็นหนี้สินจำนวนมาก หาทางออกด้วยการก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ บางคนหนักไปกว่านั้น กล้ากระทำความผิดด้วยการค้ายาเสพติด เพื่อหาเงินมาใช้หนี้
รัฐบาลไม่เคยได้สำรวจเรื่องราวทำนองนี้เลย
“ผู้ขาย” เพิ่งจะได้รับการเปิดเผยจาก นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้การตรวจสอบเมื่อ 18 พ.ย.56 มีผู้จองไม่มารับรถ 1.32 แสนคัน ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรือดีลเลอร์บอกว่า จำนวนดังกล่าวมีลูกค้าได้คืนใบจองเกือบทั้งหมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ช่วง 1-2 เดือนมียอดค้างอยู่ในระดับ 1.4-1.5 แสนคันถือว่าประชาชนส่วนหนึ่งก็ได้มารับรถไปราว 2 หมื่นคัน
ต่อนี้ไปต้องมาดูกันว่า ทางออกของค่ายรถนั้น จะต้องพยายามระบายรถล็อตนี้ออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้ทุนหายกำไรหด
ทางออกที่ดีนั้น แต่ละค่ายต้องลดแลกแจกแถมกัน พร้อมกับงานมหกรรมยานยนต์ แข่งกันจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดที่ให้สิทธิ์ประโยชน์มากกว่ารถคันแรกและคาดว่าสิทธิ์ประโยชน์ดังกล่าวค่ายรถจะยังคงใช้ต่อเนื่องถึงต้นปีต่อไปอีก
ผลกระทบอีกด้านหนึ่งของ “ผู้ขาย” คือยอดการผลิตรถยนต์นั้น ต้องลดลงตามมาด้วยตัวเลขการผลิตรถยนต์ในเดือนพ.ย.มีทั้งสิ้น 182,818 คันต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การผลิต 11 เดือนที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 2,298,193 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.95% โดยคงจะต้องลุ้นตัวเลขการผลิตในเดือนธ.ค.ที่จะต้องได้ในระดับ 2 แสนคันจึงจะอยู่ที่ระดับ 2.5 ล้านคัน แต่เป้าหมายที่ระดับ 2.55 ล้านคันคงไม่ถึงแน่นอน
ผลกระทบต่อมา ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไปว่า ทำอย่างไร ค่ายรถแต่ละค่ายนั้น จะไม่ต้องปลดคนงานออกจากฐานการผลิต เพราะที่ผ่านมา ค่ายรถแต่ละค่ายที่เร่งการผลิตนั้น จะต้องรับคนงานเพิ่มเป็นจำนวนมาก เมื่อยอดการผลิตลดลง ทำให้คนงานว่างงาน ทางออกของค่ายรถมีทางเดียวคือการปลดคนงาน
รัฐบาลคิดเรื่องนี้เป็นแนวทางป้องกันไว้บ้างหรือยัง..?
นี่แหละ…!!! เป็นโครงการที่ล้มเหลวของรัฐบาลอย่างใหญ่หลวง
http://chaoprayanews.com/blog/mister/2013/12/20/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E2%80%9C%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88/