ผู้เขียน หัวข้อ: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2  (อ่าน 181799 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: มกราคม 13, 2015, 07:41:38 AM »
ในเมื่อไม่ ยึดมั่น ..ใน ค่านิยม ข้อ 6..มันอาจจะเกิดปัญหา กันละครับ  ..จบข่าว :D :D :D :D :D :D

<a href="https://www.youtube.com/v/0PobDNvpjNA" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/0PobDNvpjNA</a>

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: มกราคม 14, 2015, 07:27:04 AM »
วิศวกร สร้าง ทีวี มาให้พวก จัญไร ที่ไร้มารยาทในสังคมรวย   ..และก็ไม่มีใครจัดการกับพวกนี้กันเลย  แถมยังไปยกย่องสรรเสริญ ให้เป็นดาราดัง.เก่งอัจฉริยะ สู้ชีวิต น่าเอาเป็นตัวอย่าง..ทำง่ายๆ เถื่อนๆ งี้นะ .งน่าเอาเป็นตัวอย่าง..ก็เพราะ พวกนี้แหละ เยวชนไทย และสังคมไทยถึง เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  คลิปนี้ ขอจริงผู้ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ อย่าง คุณ วัลลี ..เด็กหญิงยอดกตัญญู ที่โ่งดังใน อดีตตัวจริง ที่น่า ยกย่องชมเชย...ในความกตัญญูรู้คุณ ของคน  ..แต่ รายการ ทางทีวี กลับไม่รู้คุณค่าของ คนในสังคมนี้ กลับไปทำลายโดยการแสดงล้อเลียนออกทีวี เพื่อหาเงินให้กับพวกพ้องและตัวเอง...น่าชื่นชมยินดีกับ รายการพวกนี้ ทั้ง คนเเสดง เจ้าของรายการ ด้วยหรือ เปล่าครับ  พี่น้อง...ชมคลิปจากข่าว นสพ เดลินิวส์ กันเลยครับ   จบข่าว >:( >:( >:( >:( >:( >:( >:(
ปล ขอประณาม ผู้ที่ทำร้ายคนดีดีของสังคมแบบนี้ นะครับ ขอให้มีอันเป็นไปอย่างสาหัส นะจ๊ะ  อิอิ

<a href="https://www.youtube.com/v/T4vbca-ybZw" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/T4vbca-ybZw</a>

ออฟไลน์ adulmr

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 772
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: มกราคม 14, 2015, 09:36:04 AM »
น่าหดหู่กับเรื่องแบบนี้ครับ ท่านอินทะเนียร์น้อย

เอ๊ะ
หรือว่าพวกนี้เค้าไปยึดตามมาตรฐานของสื่อตะวันตก (บางแห่ง ? มั้ง ?)
ที่อ้างว่า สื่อหรือว่าคนทุกคน "มีเสรีภาพในการแสดงออก"
โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า
การแสดงออกที่ว่านั่น จะไปกระทบความรู้สึกของใครมั่ง

คนพวกนี้น่าจะไปอยู่ในประเทศที่อ้างว่ามีเสรีภาพในการแสดงออก ?
ดีไหมครับ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2015, 09:39:35 AM โดย adulmr »

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: มกราคม 15, 2015, 09:14:31 AM »
จริงครับ ท่าน อดุลย์...มันไม่มีคนมาดูแลตักเตือน พวกนี้ ยิ่งเอาใหญ่ สร้างกลุ่มสร้างพวกกันขึ้นมาโดย หารู้มั๊ยว่า เหล่านี้ คือ การ ทำร้ายสังคมไทยโดยที่เขาเหล่านั้นและคนที่หาผลประโยชน์ จากควา ชาญฉลาดของเขาที่ไม่ต้องเรียนเินอะไรให้มันมากมายเหล่าพวก กู้เงินเรียนหรอก...แค่นี้ ก็รวยจนขี้เกลียดจะรวย รถราคาเป็นล้านขึ้น มีนั่ง ต่ำกว่าล้าน นั่งแล้วขี้กรากขึ้น อะ  อิอิ....แถมได้ออกข่าว ออกทีวี จนเบื่อ (บางคนหน้ายังกะปลวกฤดูแล้ง ..จิ้งหรีดท้องสองเดือน  อิอิ)...กลุ่มเหล่านี้ ควรมีองค์กร ที่มีอำนาจควบคุม เพราะถ้าไม่มีใครเตือนพวกเขาก็ร่าเริงบริโภค ผลสุดท้ายสังคมที่ดีงาและเยวชนไทยย่อยยับ  .พวกฝรั่ง เช่นกันครับ  ...คงไม่มีคำพังเพย แบบไทยๆอีกคำครับ ท่าน อดุลย์...คำที่ว่านั้นคือ ..ปลาหมอตายเพราะปาก...นี่ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ อีกแหละ...สาวกของสำนักฯพิมพ์นั้น ยังให้กำลังใจกันล้นหลาม....เคยชมว่าฝรั่งนี่เขามีมารยาทดีความคิดดี  แต่ครั้งผิดหวังครับ...สสงสารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจริงๆครับ ที่มารับเคราะห็ กรรมในครั้งนี้ และนี่ดูท่าทีว่าจะไม่หยุดอีก....พวกสื่อในทุกประเทศมักอ้างสิทธิเสรี...แต่ว่าอ้างเพื่อใครครับ ...อยากถาม  มีเสรีแล้วคนบริสุทธิละ มีเสรีหรือ รวยด้วย เป่า..กลุ้ม  ชมภาพกันเลยครับ  ..คิดกันเอาเองและก็คอยชมกันตอนต่อไปครับ...สำหรับบ้านเรา..ผู้นำของเรา สุดยอดๆๆๆๆๆๆ     จบข่าว ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;)

Up to three million copies of the first issue of Charlie Hebdo since the Paris attacks have been distributed across France
Picture: AFP/Getty
ช่าว จาก โพสทูเดย์
ปาร์ตี้ฉาวใน ฟิตเนส
ดูแล้ว เศร้าครับ...คนที่เรียกตัวว่า สาธารณะชน ก็ช่วยส่งเสริมความเสื่อมนี้ด้วย...และไปยกย่องมันอีก  เฮ้อ


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ เด็กหญิงวัลลี หรือ เด็กหญิงวัลลียอดกตัญญู (ตามชื่อภาพยนตร์อัตชีวประวัติ) เป็นชาวสมุทรสงครามโดยกำเนิด วัลลีเป็นที่รู้จักจากเหตุการณ์ความกตัญญูในวัยเด็กของเธอที่เลี้ยงดูวิไล ณรงค์เวทย์ มารดาที่ป่วย และยายตาบอดเพียงลำพังขณะที่ยังอยู่เพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดโรงธรรม (มิตรภาพที่ 70) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยไม่มีใครสนใจ

จนในปี พ.ศ. 2524 หลังจากคณะครูโรงเรียนวัดโรงธรรมทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้พยายามช่วยเหลือ และเรื่องความกตัญญูของเธอได้แพร่ไปจนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนำไปลงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ วัลลีจึงกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ และมีผู้นำเรื่องราวของเธอไปทำหนังสือและสร้างภาพยนตร์ที่ทำให้มีผู้กล่าวขวัญถึงเธอมาอยู่จนปัจจุบัน

ปัจจุบันวัลลียังคงอยู่ที่บ้านเดิมในจังหวัดสมุทรสงคราม และแต่งงานกับ พันตำรวจโท ธนพัฒน์ บุญเส็ง (ในขณะดำรงยศสิบตำรวจโท) มีบุตร 2 คน ปัจจุบันประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว[1]

ออฟไลน์ ssuebsak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 352
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: มกราคม 15, 2015, 07:05:54 PM »
ถ้า "สื่อ" คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เพราะมีเสรีภาพของ สื่อ  อาจจะมีคนมาเยี่ยมโดยมิได้ นัดล่วงหน้า ก็เป็นได้
ชอบเสรี นักนี่นา

<a href="https://www.youtube.com/v/5E6t3Tjf6oM" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/5E6t3Tjf6oM</a>

ฝรั่งเศส 7 ม.ค.58-เหตุสังหารหมู่กลางกรุงปารีส ของฝรั่งเศส วันนี้ เมื่อกลุ่มมือปืน บุกเข้าโจมตีสำนักงานนิตยสารแนวเสียดสีประ­ชดประชัน “ชาร์ลีเฮบดู” [Charlie Hebdo] จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย บาดเจ็บอีก 7 ราย ซึ่งกลุ่มมือปืนอย่างน้อย 2 ราย ใช้อาวุธปืนยาวสาดกระสุนเข้าใส่ผู้คนในสำน­ักงาน จากนั้นยิงปะทะตำรวจกลางถนนด้านนอกสำนักงา­น ก่อนขับรถยนต์หลบหนีไป ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ บอกด้วยว่า กลุ่มมือปืนตะโกนออกมาว่า “นี่เป็นการแก้แค้นให้กับพระศาสดาโมฮัมหมั­ด”

ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศส บอกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่โหดร้­ายป่าเถื่อนของพวกก่อการร้าย และทางการฝรั่งเศสจะตามจับกุมตัวคนร้ายมาร­ับโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ ซึ่งฝรั่งเศสถูกคุกคามจากพวกก่อการร้าย ก็เพราะเป็นประเทศที่มีเสรีภาพ ขณะที่ตำรวจในกรุงปารีส ระดมกำลังออกตามล่าคนร้ายอย่างเต็มที่

ด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น อังกฤษขอยืนอยู่เคียงข้างชาวฝรั่งเศส เพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย และปกป้องเสรีภาพของสื่อ สำหรับนิตยสาร “ชาร์ลี เฮบโด” เป็นนิตยสารรายสัปดาห์ แนวเสียดสี ทั้งในด้านสังคม และการเมือง โดยตกเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก เมื่อเดือน พ.ย.54 หลังตีพิมพ์ ภาพการ์ตูนล้อเลียน พระศาสดาโมฮัมหมัดของศาสนาอิสลาม ล่าสุด นิตยสารชาร์ลี เฮปโด ได้นำภาพการ์ตูนล้อเลียน อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอเอส ไปเผยแพร่ผ่านทางทวิตเตอร์.-สำนักข่าวไทย

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: มกราคม 16, 2015, 09:33:29 AM »
จริงครับ ท่าน อาจารย์ssuebsak....การมีเสรีภาพ มันดีครับ  แต่มันก็อย่าไปล้ำเส้นเสรีภาพของคนอื่นเขาละกัน...อย่าง ข่าวดังฉาว มันก็ไปล้ำเส้น กฏหมายที่เขาวางไว้เพื่อความสงบสูขของสังคมเสรีไง ..จะไปอ้างว่า ไม่เกี่ยวแลดูจะมีน้ำหนักน้อยเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ชอบมาพากล ก็เดินออกเลยสิครับ ที่เอาจมูกไปดมอะว่าไงมีส่วนร่วมเป่า...ดมเป็นการกระทมนา..ยังทำเป็นงง(มันรวมอยู่กับการหายใจครับ  อิอิ).เหล่านี้แหละที่ทำให้สังคมเสียหาย มันต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงดาบครับ  ไม่งั้นก็ไม่มีใครเกรงกลัว ทำกันไปตามอำเภอใจ  เฮ้อ
 คนที่ถ่ายคลิปนี้เป็นฮีโร่ของสังคมตัวจริง...ขอปรบมือดังๆให้ครับ    สุดยอด(มารร้ายสัง  หน้าซีดไปตามกัน   สม)
  ส่วน พวกฝรั่งที่ว่าก็เหมือนกัน คงจะเป็นกลุ่มน้อยที่ทำให้คนดีของสังคมนั้นเดือดร้อนจริงๆๆ  นะครับ...ถามจริงเหอะ..ได้อะไรหัดมีมารยาทเคารพในความรักและนับถือคนอื่นเขามั่งสิครับ  ทุกคนก็มีคนที่รักกันทั้งนั้นแหละ รู้ไว้ด้วย  จะไปทำร้ายเสรีภาพเขาทำไม..ขอวิงวอนเถอะท่านที่รักเสรีทั้งหลาย  อย่าทำให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง รับเคราะกรรม.และขอเเสดงความเสียใจต่อการจากไปของ12ศพจากเหตุการณ์นี้ใน ปาริส  ขอจงสู่สุคติ เถิด   จบข่าว :D :D :D :D

 
....

ออฟไลน์ adulmr

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 772
  • มงกุฎ: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #126 เมื่อ: มกราคม 16, 2015, 02:45:47 PM »
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า
การ์ตูน ที่อ้างว่า -ล้อเลียน- ของสำนักพิมพ์ ลีโด่ อะไรนั่นน่ะ
มันเป็นยังไง ?
ลองใช้ Google ป้อนคำว่า charlie hebdo แล้วให้ค้นเฉพาะ ภาพ ครับ

ได้ไปดูแล้ว
โดยที่ไม่ต้องเข้าใจภาษาฝรั่งเศส
ภาพหลายภาพ จัดยู่ในขั้นลามกอุจาด เป็นอย่างยิ่ง
ไม่รู้ว่าคนเขียนใช้อวัยวะส่วนไหน
ถึงได้คิดมุกที่แสนจะสถุลต่ำช้าถึงขนาดนั้นได้

https://www.google.co.th/search?q=charlie+hebdo&newwindow=1&biw=1080&bih=450&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=M8C4VPLtK8uJuwT38IHYCQ&ved=0CAYQ_AUoAQ

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #127 เมื่อ: มกราคม 17, 2015, 07:30:21 AM »
ขอขอบคุณ ท่าน อดุลย์  ที่นำความจริงมาเล่าให้ฟัง...เปิดเข้าไปดูเเล้ว ..เศร้าครับ (เอามือปิดตาแทบไม่ทัน)...ความเห็นที่เป็นกลางนะครับ....น่าจะมีคนในสังคมนั้นไปบอกเตือนคนที่วาดภาพเหล่านั้น ครับ..รับไม่ได้จริงๆๆๆ  ขอบอก  เฮ้อ    .เพราะที่เขาเขียนมานั้นมันเป็นเพียงคนไม่กี่คน  แต่ภาพเหล่านั้นมันไปทำความเสียหายให้ผู้คนที่บริสุทธิเป็นจำนวนมากๆๆ สุดเศร้า  ..ดังนั้น ด้วยหัวใจน้อยของคนไทยคนหนึ่งขอวิงวอนให้ มีผู้ใหญ่ในสังคมนั้น บอกเตือน หรือ ห้ามเลยครับ การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ดีในทุกสังคมครับ... ..อะไรที่มันไม่ดีไม่งาม  ทำไมจะปรับเปลี่ยนไม่ได้....กลุ้ม
..และข่าว..ยำ่ยี ..เรื่องราวเด็กกตัญญูที่เป็นตัวอย่างดีๆๆสำหรับสังคมไทย...ของพวกหากินกับความเดือดร้อนของคนอื่นที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมไทยไปถึงไหนแล้วก็ไม่ทราบ..สิ่งดีทีเป็นตัวอย่างสำหรับเยวชนไทย ยังกล้าทำลาย ไม่ทราบว่า เหล่าเป็นคนไทยกันหรือเปล่าครับ  อยากถาม  ไปออกทางทีวีด้วยหรือเป่างานนี้ ถ้าออกด้วย โดนกันหลายกลุ่มเลย  เฮ้อ....ขออย่าให้เป็นแบบฝรั่งเศสเลยนะครับ  สงสารคนที่ไม่ได้รวยเพราะความมีเสรีแบบเถื่อนๆนี้  .... จบข่าว  >:( >:( >:( >:( >:( >:( >:( >:(

<a href="https://www.youtube.com/v/IB5cHickrs0" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/IB5cHickrs0</a>


ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #128 เมื่อ: มกราคม 18, 2015, 10:00:56 AM »
ว่าแล้วเชียว ไปเจอข่าวใน นสพ เทเลกราฟ..ดูรูปที่แปะ มาเลย...ของขึ้นแล้วไง...บอกแล้วคนส่วนน้อยไปกระทบกับคนส่วนใหญ่..อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่อยากคิดเลย...เฮ้อ...ขอภาวนาให้คนเริ่มต้นเปรับเปลียน หือ ขอโทษ เถอะครับ..งานนี้ไม่ขำครับ  จบข่าว >:( >:( >:( >:( >:( >:( >:(

The Taliban condemn new Charlie Hebdo cartoon

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #129 เมื่อ: มกราคม 19, 2015, 07:55:26 AM »


เบื่อหน่ายกับ พวกที่ร่ำรวยกับความเดือดร้อนของ คนอื่นจริงๆครับ  พี่น้อง เสมือนทรัพย์สินเงินทองชื่อเสีงที่เขาเหล่านั้นได้มา เป็นการ ปล้น จากคนอื่นครับ...นี่คือ การที่มีเสรีมากเกินไปหรือเปล่า  หรือ เสรีภาพเกินขอบเขต ที่ตนมีอยู่  อย่าไปอ้างอาชีพที่ทำนะครับ  ไม่มีความหมาย เพราะ เขาไม่เรียกร้องหรือ ขอร้องให้ทำครับ ประเทศขี้ไม่มีคนกลุ่มนี้อยู่เขาก็มีความสูข  เพราะ ท่านผู้นำคนปัจจุบัน ท่านคืนความสูขให้เราเเล้วเป็นความสูขที่เสพได้ด้วยบริสุทธิใจและดีงาม..ถ้าสกปรกแบบนี้ อย่าเสนอหน้ามาเลย ไปไกลๆ...
ดู ความเห็นอื่นจาก สื่อที่ดีๆของสังคมมั่ง..เดี๋ยวจะหาว่า พูดอยู่คนเดียว  .. น่าเบื่อสุดๆๆๆ    จบข่าว :D :D :D :D
ปล ฝากความเป็นห่วงถึง ผู้เกี่ยวข้อง อย่าให้เหมือน ชาลีฯ ละกัน..เพราะบางคนเขาไม่ขำด้วย..แล้วของขึ้น..นั่นเป็นเสรีภาพ ส่วนตัวเขาเหมือนกัน..อิอิ
..วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงดาบ กำจัดพวกไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม ให้หมดไปไวๆ  เพื่อ เยวชนไทยในอนาคต เถิด....

ข่าวจาก ASTV ออนไลน์


วัลลี" กับความตลกที่ไร้จิตสำนึกของรายการทีวีไทย
จากเด็กหญิงที่เป็นข่าวโด่งดังกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความ "กตัญญู" เมื่อเรื่องราวชีวิตถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือ สร้างเป็นละคร-ภาพยนตร์เมื่อหลายสิบปีก่อน ล่าสุดชื่อของ "วัลลี" ในวัย 46 ปีที่วันนี้มีสถานะเป็นแม่ของลูกชายคนโตวัย 21 และลูกสาววัย 15 ได้กลับมาเป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้ง
       
          หลังเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ตัดสินใจเดินทางไปที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อเข้าไปแจ้งความเอาผิดกับ 3 รายการโทรทัศน์ ที่ประกอบไปด้วย 1.รายการชิงร้อยชิงล้าน โดยบริษัทเวิร์คพ้อย นายปัญญา นิรันดร์กุล, เท่ง เถิดเทิง และตุ๊กกี้ 2.รายการวันวานยังหวานอยู่ โดยบริษัทโพลีพัส ที่ประกอบไปด้วย ตุ๊กกี้, เจ็ค แฟนฉันและ ซูโม่ กิ๊ก และ 3.รายการปลาช่อนลุยสวนทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในฐานความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
       
          ด้วยเหตุผลที่ว่าในช่วงระหว่างปี 2566 - 2557 ทั้งตัวผู้พิธีกรและรายการได้มีการนำเอาเรื่องราวสุดรันทดของเธอในวัยเด็กมาล้อเลียนจนกลายเป็นเรื่องตลก สร้างความหดหู่ใจ ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และบุพการี ผ่านทั้งทางทีวีรวมถึงในเวบยูทูบนั่นเอง
       
          ผ่านไป 3 เดือนนับตั้งแต่การเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมปีที่แล้ว วันวานที่ผ่านมา (13 มกราคม 2558) เจ้าตัวก็ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองสมุทรสงครามอีกครั้งเนื่องจากเกรงว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผยว่าเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกไปยังทั้ง 3 บริษัทแล้ว แต่มีเพียงเวิร์คพอยท์ฯ เจ้าเดียวที่ติดต่อมา
       
          โดยจากนี้ไปทางตำรวจก็จะออกหมายเรียกอีกครั้ง หากไม่มีการติดต่อกลับมาก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป
          
          เรื่องราวของ "วัลลี" หรือนางวัลลี กองเส็ง นั้นเป็นที่รู้จักขึ้นมาเมื่อครั้งที่เธอยังเป็น "ด.ญ.วัลลี ณรงค์เวทย์" (นามสกุลเดิม) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดโรงธรรม (มิตรภาพที่ 70) หมู่ 5 ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อเธอต้องเดินทางไปกลับจากโรงเรียนในช่วงพักเที่ยงเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรเพื่อต้องกลับมาป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต และยายตาบอดเพียงลำพังโดยไม่มีใครรู้แม้แต่ตัวของครูที่โรงเรียนเองซึ่งเมื่อมารู้เรื่องในภายหลังก็ได้พยายามช่วยเหลือเธอเท่าที่จะทำได้
       
          เมื่อเรื่องราวความกตัญญูของวัลลีกลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาก็ได้มีผู้นำเอาชีวิตของเธอไปเขียนเป็นหนังสือรวมถึงละคร, ภาพยนตร์ อาทิ "วัลลี ชื่อนี้อยู่ในหัวใจคุณ" โดยมีนักแสดงอย่าง อภิชาติ หาลำเจียก, เปียทิพย์ คุ้มวงศ์ ฯ แสดงนำ และทำให้ชื่อของวัลลีกลายเป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญูในความรู้สึกของใครหลายต่อหลายคนตั้งแต่นั้นมา
       
          อย่างไรก็ตามในระยะหลังๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องราวความดีงามและความน่าชื่นชมของเธอนั้นกลับมีรายการทีวีหลายรายการนำไปเสนอในเชิงตลกขบขันอยู่เป็นประจำและนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวซึ่งปัจจุบันได้แต่งงานและมีบุตรด้วยกัน 2 คนต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ของตนเองโดยยืนยันว่าสิ่งที่เธอต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องเงินทองแต่อยากได้คำขอโทษมากกว่า
       
          ทั้งนี้เจ้าตัวยังเคยให้สัมภาษณ์ผ่านทีม "เฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" ถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่าตนเองต้องทนกับเรื่องแบบนี้มานานหลายสิบๆ ปีตั้งแต่ลูกสาวยังเล็กจนเริ่มโตและรู้สึกรับไม่ไหวแล้วที่มีคนเอาความพิการของแม่และยายมาเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน รวมถึงต้องมาเห็นคนที่แสดงเป็นตัวเองวิ่งในชุดนักเรียนแต่งตัวบ้าๆ บอๆ ทำท่าทางเพี้ยนๆ ป้อนข้าวแม่ที่เหมือนคนเสียสติมากกว่าคนพิการ
       
          "ส่วนมากจะเล่นแบบแนวป้อนข้าวให้ จากนั้นก็จะใช้ช้อนยัดปาก อุดปาก ไม่กินใช่มั้ย...ก็กระทืบเลย นี่คือภาพของวัลลีที่ออกสู่สาธารณะหรือ..? ที่ผ่านมา เราทำดีมาตลอด แต่ทำไม ถ้าจะทำเรื่องวัลลี ต้องทำเรื่องตลก ไม่เข้าใจ...ทำไม วันนี้เรารับไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะการดูหมิ่นบุพการี"
       
          "สิ่งที่อยากจะถามผู้เกี่ยวข้องวงการตลกว่า การที่คนๆ หนึ่งนอนเป็นอัมพาตต้องมีคนป้อนข้าวให้มันตลกใช่มั้ย มันใช่สิ่งที่เฮฮาหรือ (วัลลีเริ่มมีเสียงสั่นเครือ) อยากขอให้คนที่ทำรายการมีวิจารณญาณ มีสามัญสำนึก จะทำอะไรให้เคารพสิทธิ์คนอื่น นึกจะทำอะไร หากทำโดยไม่เคารพคนอื่น คุณจะอยู่ในสังคมได้ยังไง"
       
          คงต้องรอดูกันว่าเรื่องราวในครั้งนี้จะกระตุ้นต่อมสำนึกของบรรดาคนทำรายการทีวีในบ้านเราที่มุ่งแต่จะขายสิ่งที่ตนเองคิดว่าตลกขบขันโดยไม่เคยคิดว่าจะไปกระทบสิทธิตลอดจนความรู้สึกของใครๆ ได้มากน้อยเพียงใด?
<a href="https://www.youtube.com/v/nF7hZRIhzyk" target="_blank" class="new_win">https://www.youtube.com/v/nF7hZRIhzyk</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2015, 08:06:39 AM โดย อินทะเนียร์น้อย »

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #130 เมื่อ: มกราคม 20, 2015, 08:53:02 AM »
ภูมใจเหมือนกันที่ ผลงานของวิศวกร...ได้ช่วยสังคมให้น่าอยู่....และก็ประณามคนที่ใช้ผลงานของวิศวกรไปทำใหสังคมเสียหายทุกรูปแบบ..ในทุกอาชีพ..ขอให้มีอันเป็นไป.เกิด   .เข้ายา.เรียนยาก จบยาก ..ผลงานหายาก...จะมาย่ำยี เพราะ พวก ปลวก แมงสาป  มันจะง่ายเกินไป มั่ง  ขอบอก
..นี่ก็ผลงานงานของวิศวกรช่วยสังคมอีกแล้วครับ  พี่น้อง....กล้องถ่ายรูปลงในโซเชียล ของ น้อง ญป...ต้องยอมรับว่า ญป เขามีระบบตรวจสอบในการทำงานที่ดีมาก ท่านใดที่ทำงานใน รง ญป  ทราบดี...อิอิ..นี่ก็คงนำมาใช้ได้ในการทำงาน ของ หน่าบงาน สากลเช่น สนามบิน รถบริการสาธารณะ  ..สุดยอด..เรียกว่า ดับเบิลเช๊ค...ทำใหสังคมไทย น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะๆๆๆ  และมั่นใจในการอาศัยอยู่ด้วยความปลอดภัย  อิอิ..เอ..เข้าเเถวรอตรวจเข้าเมือง...อันนี้ เคยเห็นอยู่นา...ต้องเห็นใจ หน่ายวานนี้คนน้อยครับ...ประหยัดคนอะ นะ...ยืนกิยแอร์ไทยให้ชื่นใจ นะน้อง ญป...อิอิ  เรียกเเท๊กซี่ ต้องระบุขนาดด้วยสิจ๊ะ...อิอิ   มีที่นี่แหละ หนึ่งเดียวในโลก...เหล่านี้มันต้องมีการจัดระเบียบสังคมกันใหม่ทุกมิติ ครับ..ว่ากันว่า ขนาด เป็นผู้ชาย นั่งเเท๊กซีเดียวยัง เสียวเลยครับ ไม่รู้มันจะพาออกนอกเส้นทางไปปล้นเมื่อไหร มีข่าวผู้โดยสารหญิง กระโดด ลงรถบ่อยมากระยะนี้..ต่อไปคงหารถไร้คนขับมาเป็นเเท๊กซี น่าจะดีครับ  รอเดี๋ยว ครับ พี่น้อง...ตกงานไม่ว่ากันนะ  อิอิ   จบข่าว :D :D :D :D
ปล จาก นสพ แนวหน้า

19 ม.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้ชื่อในเฟซบีคเพจว่า “Koki Aki” ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทย แต่ได้พบกับประสบการณ์อันเลวร้าย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คระบุว่า ได้รับการบริการที่ยอดแย่ของเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ตลอดไปจนถึงแท็กซี่ที่โก่งค่าโดยสารกว่า 1 เท่าตัว จนต้องตั้งฉายาให้ “สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินแห่งชาติของไทย” เป็นสนามบินที่น่ารังเกียจมากที่สุดและเป็นความน่าอายของประเทศไทย

“Koki Aki” โพสต์ข้อความไว้ว่า มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินเวียดนามเมื่อเวลา 18.30 น. พอถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองปรากฏว่ามีผู้โดยสารจำนวนมากที่มาใช้บริการ แต่ปรากฏว่าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่เปิดใช้งานทุกช่อง ยังมีช่องที่ว่างอยู่แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาให้บริการ ต้องรอคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนานกว่า 30 นาที
“ที่จริงผมควรจะใช้บริการรถไฟเข้าเมือง แต่ก็เพราะมีกระเป๋าหลายใบ คิวที่รอรถแท็กซี่ยาวมาก และแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก ตอนที่เอากระเป๋าขึ้นรถ คนขับก็ขอบัตรคิวรถจากผมไป ที่จริงบัตรคิวนี้ผู้โดยสารควรจะเก็บไว้เผื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว คนขับก็พูดว่า ไปสะพานควาย ต้องจ่าย 700 บาท ผมว่านี่มันแปลกๆ นะครับ ปกติแล้วไปสะพานควายเสียค่ารถเพียงแค่ประมาณ 350 บาท นี่เหมือนการโกงเลยนะครับ ผมบอกเขาว่า ใช้มิเตอร์ครับ แต่คนขับบอกกับผมว่า คุณเลือกรถใหญ่เองผมก็เลยลงจากรถ

เจ้าหน้าที่บอกให้ผมไปรอรับบัตรคิวแท็กซี่อีกรอบ ผมก็ต้องเดินกลับไปรอรับบัตรคิวอีกรอบ ถึงอย่างนั้น สนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นสนามบินที่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินแพงที่สุดอยู่ดี รอแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมาก ลิฟต์ก็ใช้ไม่ได้ การบริการที่แย่ ผู้โดยสารจะถามข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือไม่สนใจ มีเจ้าหน้าที่แย่แบบนั้น แท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และคิดค่าโดยสาร 2 เท่า มีแท็กซี่ที่แย่แบบนั้น ต่อหน้าชาวต่างชาติ คนไทยแสดงความแย่ในการบริการแบบนั้น ที่สนามบินแห่งชาติที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศ พวกเขาไม่ใช่ความน่าอับอายของประเทศไทยเหรอครับ ที่แสดงความขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจต่อชาวต่างชาติ”

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #131 เมื่อ: มกราคม 22, 2015, 06:48:09 AM »
สังคมที่เปลี่ยนไปเพราะพวกได้ผลประโยชน์ ไม่รู้จักคำว่าEIAครับ  พี่น้อง   การที่ทำอะไรแล้วขาดความมีมารยาท ในสังคมนั้นๆ มันก็เกิดปัญหาให้กับผู้กระทำ นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่เป็นที่น่ารังเกียจของสังคมไทย เช่นกัน  ..งานนี้จะทำให้ยอดขายของ สินค้าเจ้าดีขึ้นหรือเลวลง ก็คงมาจากผลงานของเขาเอง  ไม่พูดมาก ปล่อยไปตามธรรมชาติ...นี่ก็ได้ข่าวว่า ไปทำอะไรมาก่อนที่ชาวบ้านเขาไล่ มาครั้งแล้ว   กลุ้ม  จบข่าว :D :D :D :D :D
ปล ควรจะไล่ ออกไปเหมือนที่ทำครั้งก่อนครับ ท่าน อธิการฯ..เดี๋ยวจะโดนด้วยนะจ๊ะ..เฮ้อ
ข่าวจาก โพสทูเดย์


บ่นกันขรม ถ่ายรูปที่ระลึกบัณฑิต มช. เจอลูกโป่งยักษ์รูปขวดเครื่องดื่มยี่ห้อดังสูงร่วม 4-5 เมตร ตั้งหราหลังแปลงดอกไม้จนติดมุมกล้องทุกมุม.

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #132 เมื่อ: มกราคม 23, 2015, 08:40:44 AM »
ขอปรบมือดังๆให้ท่าน อธิการบดี มช  ..คนดีมีคุณธรรม เป็นที่รัก ของสังคมและลูกศิษย์แบบนี้ สุดยอดๆๆๆๆๆ
รวยแล้วทำคนอื่นเดือดร้อน นี่มัน บาป  นะจ๊ะ  .....พระท่านว่างั้น เข้าวัดกันมั่งก็ไม่เลวนะครับ...จิตใจจะได้ผ่องใส ..เลือกวัด ด้วยนะ..เดี๋ยว เจอ สมี ละ ..จะหาว่า ไม่เตือน   อิอิ  จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D
ปล ข่าว จาก นสพ ไทยรัฐ

อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สั่งให้ผู้จัดงานรื้อลูกโป่งยักษ์ที่ตั้งตรงข้ามหอประชุม มช. ออกหมดแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์

กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีที่มีลูกโป่งยักษ์สีเหลือง สีส้ม รูปขวดเครื่องดื่มยี่ห้อดัง สูงประมาณ 5 เมตร ตั้งตระหง่านภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บริเวณฝั่งตรงข้ามหอประชุมของมหาวิทยาลัย ถึงความไม่เหมาะสม เนื่องจากในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ล่าสุด เมื่อเวลา 7.30 น. วันที่ 22 ม.ค. 58 รศ.ธีรภัทร วรรณฤมล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ และ นศ. เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยกับไทยรัฐ ว่า หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ขึ้นมา ทางนายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สั่งให้ผู้จัดงานรื้อลูกโป่งยักษ์ออกหมดแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา
ส่วนการนำลูกโป่งยักษ์มาติดตั้งในงานนั้น น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ทางบริษัทเครื่องดื่มดังกล่าวก็มาเปิดบูธขายเครื่องดื่มใกล้ๆ หอประชุม และมีการนำลูกโป่งขึ้นมาโชว์ แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ให้เอาขึ้นโชว์ มาปีนี้บริษัทดังกล่าวก็มาขอเปิดบูธขายเครื่องดื่มที่ไร่ฟอร์ด ฝั่งตรงกันข้ามหอประชุม มช. และมีการนำลูกโป่งเครื่องดื่มขึ้นโชว์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์นั้น

"ทางอธิการบดีได้ยุติปัญหาทั้งหมด โดยให้บริษัทดังกล่าวนำลูกโป่งออกไปจากการจัดงานหมดแล้ว เพื่อให้บัณฑิตและญาติสามารถถ่ายภาพได้สวยงามมากขึ้น" รศ.ธีรภัทร กล่าว.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2015, 08:42:18 AM โดย อินทะเนียร์น้อย »

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #133 เมื่อ: มกราคม 26, 2015, 07:20:40 AM »
สังคมไทยที่เปลี่ยนไป เพราะ ..จิ้งจอกสังคม...อีกตัวครับ  มีกันมาหลายรูปแบบ...แต่ที่หลายท่านฟังข่าวแบบนี้ อาจทำใจลำบาก..ว้าว...การทำหนัง นี่นะ ขยี้ กามได้...โว่ๆๆๆๆๆ.....มันช่างมีมนต์ขลังจริงๆ ในเรื่องนี้ ..ใช่ครับ ส่วนมากแล้วคนคิดว่าเป็นดารา แล้ว ดัง รวย..ก็เลย เป็นช่องทาง ของ ..พวกที่ไร้ศิลธรรม นำมาใช้ เอาเปรียบคนอื่นและทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า..เป็นสิ่งน่ารังเกลียดของสังคมและอันตรายอย่างยิ่ง...มีข่าวเมื่อหลายวันใน นสพ ไหนจำไม่ได้ว่า ทำไมหนังไทย ไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย..จะก้าวยั่งไงละครับ เมื่อมีคนที่มีคุณภาพน้อยในวงการ อย่างหนังบางเรื่อง ไปใช้คนที่ไม่ได้ ร่ำเรียนมาทาง สร้างหนังเลย มาเป็นผู้กำกับ อย่างเราเห็นๆกันอยู่..เเหม่ ยกย่องกันใหญ่ ผู้กำกับ ร้อยล้าน  ..อยากจะอ้วกแตก  นั่นแหละคือ ตัวทำให้สังคมไทยเสื่อมเสียในด้าน วัฒนธรรม อันดีงาม  ลองนึกดูละกันว่ามีหนังเรื่องใดบ้าง..ที่พล่ามนี่ เพราะ เขาเหล่านั้น ใช้ผลงานด้านวิศวกรรม มาหากินครับ  เครื่องมือเหล่านั้น สร้างด้วย วิศวกร หลายสาขาครับ  พี่น้อง.......ขอใช้สิทธิ พาดพิง...และขอใช้สิทธิ ..เจริญพร...ขอจงไปตาxxx  ทีไหนก็ไป ยกเว้นในประเทศไทย.
.น้องๆที่เก่งๆ ไม่ต้อง ไปง้อ พวกจัญไรเหล่านี้ มาที่สำนักฯนี้เลย มีอะไร อยากบอก มาเเสดงที่นี่ ..ด้วยคนเก่งๆส่วนมาก ไม่รวมกลุ่ม(มักทะเลาะกัน)เลยเป็นโอกาสของพวกนี้ครับ...ที่จริงในอนาคต หนังห่วยจะไม่มีใครดู เพราะโชเชียลฯ  ที่ อเมริกา ไค้าไม่ดู ทีวีกันแล้ว ระวัง 4G มา เหงา และเจ๊งละ ขอให้เป็นเช่นนั้น ..จบข่าว :D :D :D :D :D :D :D
ปล ข่าว นสพ บ้าเมือง



ผู้กำกับกำมะลอ ลวง4นศ.ขยี้กาม ทุบข่มขืน-คลิปแบล็กเมล
หลอกเข้ารร.ถ่ายหนังอาร์ โร่แจ้งกองปราบล่าจับตัว

4 นศ.สาวมหาลัยเอกชนดัง โร่แจ้งตำรวจกองปราบตามจับหนุ่ม 18 มงกุฎ อ้างเป็น ผกก.หนังแนวอีโรติก ลวงพาเข้าโรงแรมถ่ายทำหนัง ก่อนทำร้ายร่างกายก่อนบังคับข่มขืนถ่ายคลิปแบล็คเมย์ สุดโฉดนำภาพไปโพสต์ลงขายเฟซบุ๊ค เผยมีเหยื่ออีกหลายรายแต่ไม่กล้าแจ้งความ
 
 
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 22 ม.ค.58 นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ได้พา น.ส.เอ อายุ 24 ปี และ น.ส.บี อายุ 22 ปี (นามสมมุติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับชายที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊ก ว่า “lnw Nanal” แต่ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนำคลิปวีดีโอในขณะที่ น.ส.เอ กำลังมีเพศสัมพันธ์กับชายเจ้าของเฟซบุ๊คดังกล่าว ที่ได้ถูกโพสต์ไว้รวมทั้งนำบันทึกข้อความที่มีการแชตกัน มามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานด้วย
 
 
น.ส.เอ กล่าวเปิดเผยว่า ได้รู้จักกับชายคนดังกล่าวทางเฟซบุ๊ค เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับหนัง เป็นโปรดิวเซอร์รายการทางทีวีช่องหนึ่ง และยังอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวและช่างภาพอีกด้วย นอกจากนี้ยังอ้างว่ารู้จักกับนางแบบและพริตตี้ชื่อดังหลายคน จากนั้นเขาได้ชักชวนให้มาร่วมงานถ่ายภาพยนตร์แนวอีโรติกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนประมาณ 6,000-10,000 บาท ครั้งแรกตนก็ยังไม่คิดจะรับงาน แต่เขาติดต่อมาตลอดเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ตนจึงตัดสินใจรับงาน และเขาบอกให้ชักชวนเพื่อนมาด้วย ตนจึงไปชวน น.ส.บี ให้มารับงานด้วย
 
 
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็นัดหมายมาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านอุดมสุข เขตบางนา กทม.เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของภาพยนตร์ที่จะถ่ายทำ ระหว่างนั้นเขาก็ชักชวนให้ตนดื่มเบียร์ แต่ตนได้ดื่มเข้าไปไม่มาก ส่วน น.ส.บี ปฏิเสธเนื่องจากใส่ชุดนักศึกษาอยู่ จนกระทั่งเวลา 04.00 น. เขาจึงบอกให้ขึ้นรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ มิราจ สีบรอนซ์-ทอง ทะเบียน 2 กฎ 5186 กทม. แล้วพาไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายโรงแรมม่านรูด ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านอาหารดังกล่าว โดยบอกว่าจะให้ลองเทสต์หน้ากล้องและถ่ายทำเดโม่ (ภาพยนตร์ตัวอย่าง) กันในโรงแรม
 
 
น.ส.เอ กล่าวต่ออีกว่า ตอนที่เลี้ยวรถพาเข้าโรงแรม ตนก็เอะใจและถามว่าทำไมต้องมาที่โรงแรม เขาก็อ้างว่าสะดวกดีและขอให้ลงจากรถมาถ่ายทำทีละคน ซึ่งระหว่างนั้นก็ไม่มีทีมงาน ซึ่งเขาอ้างว่าถ่ายเองได้ แต่ก็ไม่ได้เอากล้องมา และได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย แล้วให้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ที่เขาถ่ายไว้ ก่อนจะใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งตนก็ได้ต่อสู้ขัดขืนโดยกัดที่หัวไหล่ขวาของเขา จนถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
 
 
“หลังจากนั้นเขาก็ข่มขู่และเอาภาพไปโพสต์ในเฟซบุ๊ค กลุ่มคลิปลามกอนาจาร ซึ่งเป็นกลุ่มลับ โดยใครเข้าไปดูได้ต้องเสียค่าสมัครสมาชิก จนทำให้ได้รับความอับอายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวชายคนนี้มาดำเนินคดีให้ได้ ก่อนที่เขาจะไปก่อเหตุกับหญิงสาวรายอื่นอีก” น.ส.เอ กล่าว
ทางด้านนายสงกรานต์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางเราได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย 4 ราย ส่วนอีก 2 รายเป็นนักศึกษา ซึ่งในวันนี้ติดสอบและหากสอบเสร็จก็จะเข้าแจ้งความเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีเหยื่ออีกหลายรายที่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ ซึ่งตนอยากให้มาเข้าพบเพื่อพาเข้าแจ้งความ เพื่อที่จะได้กำจัดจิ้งจอกสังคมให้หมดไป
 
 
ด้าน ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาสั่งการดำเนินคดีต่อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ออฟไลน์ อินทะเนียร์น้อย

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6121
  • มงกุฎ: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: สังคมไทยที่เปลี่ยนไป..ใครทำ..??? ภาค2
« ตอบกลับ #134 เมื่อ: มกราคม 27, 2015, 07:35:19 AM »
ในบางกรณี คำขอโทษ....มันก็ไม่น่ารัก นะครับ เพราะ คำขโทษนั้นมันไม่ได้มาจากความจริงใจในการทำผิด..อ้าว  แล้วไงละ...มาอ่านข่าวนี้ เเล้วจะทราบว่า..คำขอโทษหมดความสงสาร....มีแต่คำเจริญพรแทน....(คงได้บุญไปเยอะนะ)..อิอิ
..ดังนั้น ..ท่านทั้งหลาย ทำอะไรที่ไปเกี่ยวข้องกับคุนส่วนมาก..โปรดระวัง  ..อย่าไปหลงตัวเองว่า เป็น ที่รักและชื่นชอบ แบบบางคน(คิดว่าเป็นดาราไป ซะงั้น  อิอิ)....เลยคิดว่าทำอะไรน่ารักไปหมด..เฮ้อ   จบข่าว :D :D :D :D
ปล ข่าว จาก นสพ มติชน



คำขอโทษต่อความผิดพลาดที่ได้กระทำลงไป จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ล้วนเป็นความดีงามของผู้ที่กล่าวคำขอโทษออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ และจะเกิดความงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดนั้นๆ ยอมรับคำขอโทษอย่างบริสุทธิ์ใจเช่นกันด้วยการให้อภัย และนี่คือวัฒนธรรมอันดีงามของผู้ที่ได้ชื่อว่า ผู้มีจิตภาวะอันสูงส่ง

ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีเรื่องฮือฮาที่มหานครเชียงใหม่จากการกระทำของนักธุรกิจยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพมหานคร นั่นคือ การสร้างหิมะเทียมด้วยเกลือบริสุทธิ์ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจในการสร้างกระแสทางธุรกิจเครื่องดื่มชาของตนให้ติดหูติดตาชาวเชียงใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นอีกหรือจะเป็นการสร้างภาพให้เห็นถึงความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ไพศาลในฐานะของผู้ให้ความสุขความสนุกสนานต่อชาวเชียงใหม่โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด แต่ผลที่ได้คือ การทำร้ายและทำลายวัฒนธรรมของชาวเมืองเชียงใหม่ในทางอ้อม และทำลายสิ่งแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่โดยตรงอย่างที่รู้ๆ เห็นๆ กันนั่นเอง

และจะด้วยความไม่ตระหนักหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งข้าราชการชั้นผู้นำและนักการเมืองท้องถิ่นต่างก็อำนวยความสะดวกและเข้าร่วมกิจกรรมนี้กันอย่างเอิกเกริกผู้คนที่ไม่ทันคิดไม่ทันระวังก็ตามกระแสไปโดยไม่รู้ตัวจนเมื่อมีผู้ออกมาคัดค้านต่อต้านอย่างหนักนักธุรกิจใหญ่ที่ว่าก็ออกมาแก้ตัวและพยายามแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ แต่เกลืออย่างไรก็เป็นเกลือ ด้วยเหตุและผลทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และด้านสังคม นักธุรกิจใหญ่ก็ต้องจนมุมต่อข้อเท็จจริง ยอมยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว และออกมากล่าวคำขอโทษต่อพี่น้องชาวเชียงใหม่ในที่สุด

แต่การยกเลิกกิจกรรมก็เกิดขึ้นก่อนกำหนดเดิมแค่เพียงหนึ่งวัน ซึ่งก็ยังนับว่าเป็นโชคดีของพี่น้องชาวเชียงใหม่ ที่เกลือจำนวนหลายสิบตันถูกขนย้ายออกไปเกือบหมดก่อนที่จะมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ หากไม่เช่นนั้น เกลือจำนวนมหาศาลจะปนเปื้อนลงสู่ดินและน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถึงกระนั้นก็มีเกลือจำนวนไม่น้อยที่ปนเปื้อนลงสู่ดินและน้ำไปแล้ว

การที่นักธุรกิจเครื่องดื่มชายักษ์ใหญ่ยอมยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวไปนั้น ดูเหมือนเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสำนึกต่อความผิดพลาดที่ได้กระทำลงไป แต่การยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวลงก่อนกำหนดเดิมเพียงแค่หนึ่งวันนั้น มันกลับไม่ได้บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ดังกล่าวเลย ซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่า คำขอโทษที่เขากล่าวออกมานั้น ไม่ได้ออกมาจากความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ แต่เป็นการสร้างภาพความมีน้ำใจและความเข้าอกเข้าใจต่อคนเชียงใหม่เสียมากกว่า แต่ถึงอย่างไร ชาวเชียงใหม่ก็ไม่ได้ติดใจถือสาหาความและทำท่าว่าจะลืมๆ กันไปในที่สุด และนี่คือวัฒนธรรมอันงดงามด้านความมีน้ำใจของชาวเชียงใหม่แท้ๆ ที่พร้อมจะให้โอกาสและให้อภัยต่อความผิดพลาดของผู้อื่น

เพียงเวลาผ่านไปยังไม่ถึงเดือน เหตุการณ์ที่ไม่ควรทำ ไม่ควรเกิด ก็เกิดขึ้นมาอีกเป็นคำรบสอง เพราะ 22 มกราคม 2558 เป็นวันพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งบัณฑิตและญาติบัณฑิตหลายหมื่นคนต่างมาเฉลิมฉลองความสำเร็จของลูกหลานกันอย่างล้นหลามเหมือนเช่นทุกๆ ปี การถ่ายภาพเก็บไว้เตือนความทรงจำ คือกิจกรรมสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้ชื่อว่ามีสถานที่งดงามที่สุดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพราะมีทั้งทิวทัศน์อันงดงามของดอยสุเทพเป็นฉากหลัง และมีดอกไม้งามเมืองหนาวนานาพันธุ์ประกอบฉาก กิจกรรมถ่ายภาพจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ทีเดียว ไม่ว่าจะถ่ายภาพมุมไหน ตรงไหน เวลาใด ก็จะได้ภาพแห่งความประทับใจเก็บไว้เตือนความทรงจำได้เป็นอย่างดี

แต่ปีนี้ ไม่ว่าจะหันกล้องไปมุมไหน ก็หนีไม่พ้นลูกโป่งทรงขวดชายี่ห้อดังของนักธุรกิจใหญ่รายเดิม สร้างความหงุดหงิดใจให้กับบัณฑิตและญาติมิตรเป็นอันมาก

แม้แต่ชาวเชียงใหม่บางส่วนที่ไม่ได้มีลูกหลานมาร่วมงานในปีนี้ ก็ยังอดรำคาญสายตาไม่ได้ ใครปล่อยให้เกิดภาพอุจาดตาเหล่านี้เกิดขึ้นมา มันเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แน่นอนว่า คนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า เป็นความเห็นแก่ได้ของนักธุรกิจใหญ่รายเดิม ที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อผลพวงทางธุรกิจเครื่องดื่มชาของตน แต่บางกลุ่มบางคนกลับเห็นว่าเป็นความอ่อนด้อยของผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่คิดไม่ถึง และตามไม่ทันความคิดและเล่ห์เหลี่ยมของนักธุรกิจใหญ่ๆ

แต่ที่หนักหน่อยก็คือ บางกลุ่มบางคนกลับคิดไปไกลว่า นี่คือผลพวงของการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับหลายปีแล้ว) จึงจำเป็นต้องมุ่งหาทางหาเงินรายได้ (หาจากนักธุรกิจใหญ่ๆ ง่ายที่สุด) เพื่อเอามาจ่ายเป็นเงินเดือนและค่าตอบแทนต่างๆ ให้กับผู้บริหารระดับสูงคนละหลายๆ แสน แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด สิ่งที่ปรากฏคือ ภาพบรรยากาศที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงตรงนี้น่าเชื่อว่า สุดท้ายเรื่องนี้คงเงียบไปในไม่ช้า ถ้าไม่มีคนออกมาคัดค้านต่อต้านจริงๆ จังๆ เหมือนเรื่องหิมะเกลือ แต่ถ้ามีคนออกมาคัดค้านต่อต้านหนักๆ (ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ทันการณ์แล้วตอนนี้) เชื่อว่านักธุรกิจใหญ่เจ้าเดิมก็คงออกมากล่าวขอโทษชาวเชียงใหม่เหมือนเช่นเมื่อครั้งก่อน ถึงตรงนี้จึงมีคำถามว่า คำขอโทษซ้ำซากเช่นนี้ มันเป็นคำขอโทษที่น่ารังเกียจหรือเปล่า ควรที่ชาวเชียงใหม่จะยอมรับอีกหรือไม่ หากยังคงรับกันได้ เชื่อว่าอีกไม่ช้าไม่นานคงมีเรื่องที่สามตามมาให้ฮือฮากันอีกอย่างแน่นอน (เข้าทางตันอีกตามเคย)   

ทั้งเรื่องหิมะเกลือและเรื่องลูกโป่งขวดชานี้ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก คงไม่ใช่แค่เรื่องประชาสัมพันธ์การค้าการขายเท่านั้น (อย่างที่คนทำคิดแค่เอาแต่ได้) ควรที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายพึงต้องระมัดระวังในการกระทำใดๆ ให้มากๆ ว่าจะเข้าทางตันหรือจะผ่าทางตันกันแน่ (ไม่ได้เน้นที่คนชื่อตันนะ) เรื่องนี้น่าจะให้เป็นบทเรียนราคาแพงของใครคนหนึ่ง หรือไม่ก็ของหลายคน (ชาวเชียงใหม่เองนี่แหละ)