เรื่องเครื่องบิน แอร์เอซีย นี่ยังไมาจบนะครับ...เขาสันนิฐานสาเหตุกันหลายประเด็น..ที่น่าสนใจลองอ่านดูนะครับ...แต่อินทะเนียร์น้อย อยากเสนอให้ บริษัทสร้างเครื่องบินขาย น่าจะติดร่มชูชีพขนาดใหญ่ไว้ นะครับ ไม่ต้องให้มันตกกระแทกพื้น ทั้งๆที่ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เหมือน ถุงลมในรถ อะ....นี่ปล่อยให้มันตกแล้วตกอีกอยู่นั่นแหละ...น่าเบื่อจริงๆๆ...ระวังจานบินมาละก็เตรียมปิดโรงงานเลย ที่ตูรุส อะ อิอิ
..ว้าว มีเครื่องบินไฟฟ้าอีก ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ กลุ้ม จบข่าว
ปล นสพ ไทยรัฐ
https://www.youtube.com/v/VAjbfevv9D0ผ่านมากกว่า 2 สัปดาห์แล้ว หลังจากเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A320-200 เที่ยวบินที่ QZ8501 ของสายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซีย ตกในทะเลชวา เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. แต่จนถึงบัดนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังมืดแปดด้าน ไม่สามารถยืนยันสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ต้องพบจุดจบได้
QZ8501 พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ลูกเรือและนักบินรวม 7 คน เดินทางออกจากเมืองสุบารายา เมืองใหญ่ลำดับ 2 ของอินโดนีเซียในจังหวัดชวาตะวันออกในเวลา 5:35น. วันอาทิตย์ที่ 28 ธ.ค. โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินขาดการติดต่อกับหอบังคับการบนในเวลา 7:24น. โดยนักบินติดต่อเข้ามาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นเพื่อขอปรับเพดานบินจาก 32,000 ฟีต เป็น 38,000 ฟีต เพื่อหลบกลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนอง
เจ้าหน้าที่ขนศพผู้เสียชีวิตรายที่ 40 และ 41 กลับถึงเมืองสุบารายา
จากนั้น เจ้าหน้าที่จากหลายประเทศทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน ร่วมกันออกค้นหาเครื่องบินที่หายไป จนกระทั่งในวันอังคารที่ 30 ธ.ค. ก็พบเศษซากส่วนหนึ่งจากแอร์บัส A320-200 ลำนี้ รวมถึงศพผู้เสียชีวิต 3 ราย ในน่านน้ำบริเวณช่องแคบ คาริมาตา ในทะเลชวา ห่างจากเมืองปังกาลัน บุน บนเกาะบอเนียว ซึ่งเป็นจุดที่นกเหล็กลำนี้ขาดการติดต่อ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 110 ไมล์ทะเล
จนถึงเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ม.ค.) หน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (BASARNAS: บาซาร์นาส) สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตได้แล้ว 43 ศพ และสำนักงานตำรวจแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย หรือ (DVI POLRI) สามารถระบุตัวตนของศพได้แล้ว 25 ราย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้ QZ8501 ตกได้ จนกว่าจะพบอุปกรณ์บันทึการบินหรือ 'กล่องดำ' อย่างน้อย 1 กล่อง
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้คิดทฤษฎีมากมายที่อาจเป็นสามารถทำให้ QZ8501 ต้องพบจุดจบ โดยทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้มาที่สุดมีดังนี้
สภาพอากาศเลวร้ายขัดขวางปฏิบัติการค้นหาของหน่วยค้นหาและกู้ภัยของอินโดนีเซีย
1. เกิดภาวะ แอโรไดนามิก สตอลล์ ขณะที่เครื่องบินบินเข้าไปในพายุ
เป็นคำอธิบายที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ว่า แอร์บัส A320-200 ลำนี้ บินเข้าไปในพายุและเกิดอาการ สตอลล์ หรือ สูญเสียความสามารถในการยกตัวและบิน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการที่เครื่องบินประสบกับกระแสลมที่เคลื่อนตัวขึ้นด้านบนอย่างกระทันหัน
การสตอลล์ถือเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับนักบินและผู้โดยสาร แต่ในกรณีปกตินักบินส่วนใหญ่จะสามารถเพิ่มความเร็วในขณะที่จมูกเครื่องบินตกลง และทำให้เครื่องกลับมาบินต่อได้
แต่คำถามคือเหตุใด QZ8501 จึงไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการสตอลล์ได้? ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า เครื่องตรวจวัดบางอย่างของเครื่องบินอาจได้รับความเสียหายจากพายุ ทำให้นักบินไม่รู้ตัวว่ากำลังอ่านค่าความเร็วหรือเส้นทางการบินที่ไม่ถูกต้อง บ้างก็เชื่อว่า นักบินหลายคนพึ่งพาระบบอัตโนมัติมากเกินไป และไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอเพื่อแก้ไขกรณีเกิดอาการสตอลล์ หรือตอบสนองอย่างเหมาะสมเวลาเครื่องตรวจวัดเสียหาย
2. เกิดอาการสตอลล์ ขณะนักบินพยายามบังคับเครื่องบินหลบพายุ
ผู้เชี่ยวชาญระบุด้วยว่า อาการสตอลล์อาจสามารถเกิดขึ้นได้ ในขณะที่นักบินพยายามบังคับเครื่องบินให้เชิดหน้ามากจนเกินไปเพื่อหลบพายุ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างนักบินของ QZ8501 กับหอบังคับการบินก่อนที่จะขาดการติดต่อ เป็นการขอเพิ่มเพดานบินจาก 32,000 ฟีต เป็น 38,000 ฟีต เพื่อหลับพายุ
คำอธิบายนี้อาจมีความผิดพลาดของนักบินเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งระบุว่า นักบินควรพยายามบังคับเครื่องให้บินใกล้พายุมากกว่าบินเหนือพายุ แต่นาย อีร์ยานโต นักบินที่ 1 มีประสบการเป็นอดีตนักบินของกองทัพอินโดนีเซียและมีชื่อเสียงในหมู่เพื่อนร่วมอาชีพ ทั้งยังมีชั่วโมงบินมากกว่า 20,000 ชั่วโมง โดยเป็นเครื่องบินแอร์บัน A320 ถึง 6,100 ชั่วโมง ซึ่งหากเกิดการสตอลล์ขึ้นจริง เหตุใดเขาจึงไม่สามารถแก้ไขได้?
เจ้าหน้าที่แสดงเศษชิ้นส่วนรวมถึงสัมภาระบนเที่ยวบิน QZ8501 ที่กู้ได้จากทะเลชวา
3. เกิดน้ำแข็งเกาะสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์
สำนักงานธรณีฟิสิกส์, ภูมิอากาศวิทยาและอุตุนิยมวิทยา ของอินโดนีเซีย (MCGA: เอ็มซีจีเอ) กล่าวโทษว่าสาเหตุที่ทำให้ QZ8501 เกิดจากสภาพอากาศที่น่ากังวลทำให้กลไกใตเครื่องบินแอร์บัส A320 ลำนี้เป็นน้ำแข็ง รายงานของเอ็มซีจีเอระบุว่า ตำแหน่งสุดท้ายที่เครื่องบินอยู่บนเรดาร์ อยู่เหนือทะเลชวา ซึ่งสภาพอากาศโดยทั่วไปแสดงให้เห็นว่า เครื่องบินลำนี้ำม่สามารถบินได้เครื่องจากการเป็นน้ำแข็ง
แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนโต้แย้งทฤษฎีนี้ของเอ็มซีจีเอ ย้ำว่าเนื่องจากประสบการณ์ในอดีตของแอร์บัสที่มีปัญหาอย่างมากกับการเป็นน้ำแข้ง ทำให้ตอนนี้เครื่องบินของแอร์บัสมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่อต้านการจับเป็นน้ำแข็งแล้ว
4. มาตรฐานความปลอดภัยที่ย่ำแย่
นอกจาก 3 ทฤษฎีที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีการตั้งคำถามอย่างมากว่า สถิติความปลอดภัยอันย่ำแย่ของการบินอินโดนีเซีย มีส่วนในอุบัติเหตุครั้งนี้หรือไม่?
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย กล่าวหาแอร์เอเชียอินโดนีเซียว่าให้เที่ยวบิน QZ8501 ขึ้นบินโดยไม่ได้รับอนุญาต และสั่งพักงานเจ้าหน้าที่การบินประจำท่าอากาศยานนานาชาติ จูอันดา ในเมืองสุบารายาไปแล้วหลายราย เจ้าหน้าที่กล่าวหาด้วยว่า นักบินของเครื่องบินลำนี้ ไม่ได้รับรายสรุปสภาพอากาศก่อนบินอย่างพอเพียงด้วย
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้ เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับการให้บริกาเที่ยวบิน QZ8501 และตรวจมาตรฐานความปลอดภัยรวมทั้งความผิดพลาดของสายการบินทั้งหมดที่ให้บริการในอินโดนีเซียแล้ว แม้มาตรฐานการบินของอินโดนีเซียจะพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม
5. การระเบิดกลางอากาศ, เครื่องขัดข้อง หรือถูกวางระเบิด
การตกของ QZ8501 ทำให้เกิดทฤษฎีที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายของนักบิน หรือการโจมตีของผู้ก่อการร้าย แม้จะไม่มีใครออกมาอ้างตัวเป็นผู้อยู้เบื้องหลังการตกของเครื่องบินลำนี้ก็ตาม ขณะที่ทฤษฎีเครื่องขัดข้อง ก็เป็นไปได้ยากที่จะเป็นสาเหตุให้เครื่องบินตก โดยอุบัติเหตุเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A320 ตกทั้ง 26 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มใช้งานในปี 1988 ไม่มีเรื่องเครื่องขัดข้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกเลย
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่ กระบวนการเพิ่ม-ลดความดันขณะนำเครื่องขึ้นบินหรือลงจอด จะทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กหัก หรือเกิดรอยแตก และจะเกิดอาการนี้เร็วขึ้นหากอยู่ในที่ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นเช่นอินโดนีเซีย แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เครื่องบินที่เกิดเหตุมีอายุเพียง 6 ปี ซึ่งเร็วเกินไปที่จะเกิดความเสียหายเช่นนั้นได้
ภาพซากส่วนหางของเที่ยวบิน QZ8501
ทฤษฎีต่างๆเหล่านี้ยังไม่ข้อพิสูจน์อย่างชัดเจน แต่ก็เป็นไปได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากศพผู้เสียชีวิตที่พบ ไม่มีใครสอบเสื้อชูชีพเลย ซึ่งอาจหมายความว่าพวกเขาเผชิญหายนะโดยที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมใส่มัน
แต่ปริศนาเรื่องนี้อาจคลี่คลายในไม่ช้า เนื่องจากล่าสุดเจ้าหน้าที่หน่วยค้นหาและกู้ภัยพบส่วนหางของเที่ยวบิน QZ8501 แล้ว และหากโชคดีพวกเขาอาจพบกล่องดำ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดที่เครื่องบินลำนี้ประสบมาก็เป็นได้